สำนักงานที่ปรึกษากฎหมายและวิศวกรรม รังสรรค์ วงษ์บุญ
Office of Law and Engineering Consultants
การเปรียบเทียบความหนาแน่นของทราย
โดยการใช้ Vibrating Table & Modified Proctor Test
คณะผู้ช่วยจัดทำ |
![]() |
ชื่อ นายกิจจา เอี่ยมสกุล (
Kitja Aiumsakul )
|
![]() |
ชื่อ นายสราวุฒิ ศรีเพียงจันทร์ (Saravut
Sripiangchan)
|
![]() |
ชื่อ นายอภิสิทธิ์ บุญโพธิ์ (Apisit
Boonpo)
|
บทนำ 1.1 ที่มาและความสำคัญของปัญหา
ทรายจัดเป็นวัสดุรองพื้น (Subbase
Material)
ในงานก่อสร้างทางวิศวกรรมโยธาหลายชนิด เช่น บ่อฐานราก งานถนน งานรองพื้นอาคาร
เป็นต้น เนื่องจากทรายเป็น
การบดอัดเป็นการปรับปรุงความหนาแน่นของทรายโดยใช้เครื่องมือกล
ทำให้ความหนาแน่นสูงขึ้น มีคุณสมบัติทางวิศวกรรมที่ดีขึ้น เช่น
สามารถรับน้ำหนักบรรทุกได้
การทดสอบหาความหนาแน่นของทรายทำได้โดยใช้การทดสอบ
Compaction Test
ซึ่งมีทั้งแบบ Standard
และ Modified
Compaction Test โดยอ้างอิงมาตรฐาน
เพื่อเปรียบเทียบผลการทดสอบหาค่าความหนาแน่นแห้งสูงสุดของทรายโดยวิธีโต๊ะสั่นสะเทือน
(Vibrating Table)
และวิธีการใช้ Modified
Compaction Test
ทรายที่นำมาทดสอบ
เป็นทรายรองพื้นทางโดยนำมาจาก 3 แหล่ง จากแหล่งทรายจังหวัดปทุมธานี
พระนครศรีอยุธยา และจังหวัดอ่างทอง
ซึ่งทรายแต่ละแหล่งที่นำมาทำการทดสอบจะทำการทดสอบ 2 แบบ คือ
1.4 การทดสอบ 1. จัดหาทรายเพื่อทำการทดสอบ จาก 3 แหล่ง คือ จังหวัดปทุมธานี อ่างทอง และพระนครศรีอยุธยา 2. ทดสอบเพื่อหาค่าความหนาแน่นแห้งสูงสุด (Maximum Dry Density : γd max) ด้วยวิธี Modified Compaction Test และวิธี Vibrating Table Test 3. นำค่าความหนาแน่นแห้งสูงสุดของการทดสอบทั้ง 2 แบบ มาเปรียบเทียบและสรุปผลต่อไป 1.5 ประโยชน์ที่คาดว่าจะได้รับ
ทำให้ทราบความแตกต่างระหว่างค่าความหนาแน่นแห้งสูงสุด
(Maximum Dry Density : γd
max)
ของการทดสอบด้วยวิธี Modified
Compaction Test และ
|
|
สรุปผลการทดลอง 1.จากการทดสอบค่าความหนาแน่นแห้งสูงสุดโดยวิธี Modified Compaction Test (ASTM D-1557) ของตัวอย่างทราย จากอ่างทอง อยุธยาและปทุมธานี ได้ค่าความหนาแน่นแห้งสูงสุดเฉลี่ย คือ 1.66 ,1.83 และ 1.68 ตัน/ลูกบาศก์เมตร ตามลำดับ 2.จากการทดสอบค่าความหนาแน่นแห้งสูงสุดโดยวิธี Vibrating Table Test (ASTM D-4253) ของตัวอย่างทราย จากอ่างทอง อยุธยาและปทุมธานี ได้ค่าความหนาแน่นแห้งสูงสุดเฉลี่ย คือ 1.6575 ,1.6709 และ 1.6734 ตัน/ลูกบาศก์เมตร ตามลำดับ 3.จากการทดสอบพบว่าค่าความหนาแน่นแห้งสูงสุดโดยทดสอบด้วยวิธี Modified Compaction Test จะให้ค่ามากกว่าการทดสอบด้วยวิธี Vibrating Table Test 4.เปอร์เซ็นต์ความแตกต่างของค่าความหนาแน่นแห้งโดยวิธี Vibrating Table Test และ Modified Compaction Test ของทรายตัวอย่างอ่างทอง คือ 0.1911 เปอร์เซ็นต์ , อยุธยา คือ 9.7213 เปอร์เซ็นต์และของปทุมธานี คือ 0.3322 เปอร์เซ็นต์ รูปแสดงผลการทดสอบของทรายจากแหล่งต่างๆ ( * หมายเหตุ ค่าเปอร์เซ็นต์แตกต่าง หมายถึง ค่าเปอร์เซ็นต์แตกต่างของค่าความหนาแน่นแห้งสูงสุดโดยวิธีการทดสอบด้วย Modified Compaction Test และ Vibrating Table Test โดยใช้ค่าความหนาแน่นแห้งสูงสุดของวิธีการทดสอบด้วย Vibrating Table Test เป็นค่ามาตรฐานในการเทียบ) สาเหตุที่ค่าความหนาแน่นแห้งสูงสุด ( g d max ) ของวิธีการทดสอบด้วยวิธี Modified Compaction Test มีค่ามากกว่าทดสอบด้วยวิธี Vibrating Table Test เกิดจากอิทธิพลของน้ำที่ใช้ในการผสมในการทดสอบด้วยวิธี Modified Compaction Test เนื่องจากปริมาณน้ำที่สอดแทรกระหว่างช่องว่างของอนุภาคเม็ดทราย ณ จุดสัมผัสของน้ำกับอนุภาคของเม็ดทรายจะเกิดแรงดึงดูดอณูตามเส้น( Capillaly Action ) โดยเกิดแรงตึงผิว(Surface Tension) ระหว่างโมเลกุลของน้ำและอนุภาคของเม็ดดิน ทำให้กำลังของดินเพิ่มมากขึ้น ส่งผลให้ค่าความหนาแน่นแห้งสูงสุด ( g d max ) มีค่าสูงขึ้นตามไปด้วย จากการทดสอบพบว่าค่าความหนาแน่นแห้งสูงสุด ( g d max ) ของแหล่งตัวอย่างทรายจังหวัดพระนครศรีอยุธยาทั้งสองวิธีการทดสอบมีค่าแตกต่างกันถึง 9.7213 เปอร์เซ็นต์ ซึ่งแตกต่างจากแหล่งตัวอย่างทดสอบจากจังหวัดอ่างทองและปทุมธานี ที่มีความแตกต่างกันเพียงเล็กน้อย มีสาเหตุมาจากในตัวอย่างทรายของจังหวัดพระนครศรีอยุธยามีดินผสมมาก ซึ่งตามทฤษฎีแล้วกำลังของทรายเกิดจากแรงเสียดทานระหว่างผิวของเม็ดทราย (Internal Friction) เพียงอย่างเดียว เมื่อมีดินผสมจะทำให้เกิดแรงเหนี่ยวนำระหว่างอนุภาคของเม็ดดิน (Cohesion ) มากขึ้น ส่งผลให้การทดสอบค่าความหนาแน่นแห้งสูงสุด ( g d max ) ของตัวอย่างทรายจากจังหวัดพระนครศรีอยุธยาด้วยวิธี Modified Compaction Test มีค่ามากกว่าวิธี Vibrating Table Test จึงทำให้ค่าเปอร์เซ็นต์ความแตกต่างของค่าความหนาแน่นแห้งสูงสุด ( g d max ) มีค่ามาก
|
|
บรรณานุกรมมานะ อภิพัฒนะมนตรี, วิศวกรรมปฐพีและฐานราก . พิมพ์ครั้งที่ 11 มิถุนายน พ.ศ.2546. รังสรรค์ วงษ์บุญ , การหาความหนาแน่นสูงสุดของทรายเมื่อนำมาใช้เป็นชั้นรองพื้นทาง : รายงานการวิจัย, คณะวิศวกรรมศาสตร์, สถาบันเทคโนโลยีพระจอมเกล้าพระนครเหนือ ,2542 . ASTM Standard Designation D 1557 . Modified Proctor Compaction Test . American Standard of Testing And Material . ASTM Standard Designation D 2049 64 T. 1970 . Relative Density of Cohesionless Soil . American Standard of Testing And Material . ASTM Standard Designation D 4254 91 . Minimum Index Density and Unit Weight of Soils and Calculation of Relative Density . American Standard of Testing And Material . ASTM Standard Designation D 4253 93 . Maximum Index Density and Unit Weight of Soils Using a Vibratory Table . American Standard of Testing And Material . Braja M. Das . Principles of Geotechical Engineering . Sacramento : PWS Publishing Company.,1998. S.W. Nunnally(Consulting Engineer), Professor Emeritus(North Carolina State University). Construction Methods and Management.,3 nd Edittion.,1993.
|
rscelaw@yahoo.com |
ปรับปรุงแก้ไข อังคาร, 26 เมษายน 2548 19:42:03