สำนักงานที่ปรึกษากฎหมายและวิศวกรรม  รังสรรค์ วงษ์บุญ
Office of Law and Engineering Consultants
The only thing necessary for the triumph of evil is for good men to do nothing.


สาเหตุความผิดพลาดในการประมาณราคา
ที่เกี่ยวข้องกับ Heavy Construction Management


001

บทนำ

การประมาณราคาค่าก่อสร้างที่เกี่ยวข้องกับดิน ทราย หรือ ลูกรัง  ซึ่งเป็นวัสดุก่อสร้างที่ต้องมีการขุด  ขน  และบดอัดให้แน่น  เช่น 
การสร้างถนน
  เขื่อน  ทำนบดิน  หรือ การพัฒนาทางด้านการเกษตรที่ต้องมีการปรับหน้าดิน  มักจะประสบปัญหาในการที่จะประมาณราคาให้ใกล้เคียงความจริง 
ทั้งนี้เนื่องจากตัวแปรที่เกี่ยวข้องในโครงการมีค่าไม่คงที่และไม่สามารถควบคุมได้ซึ่งแตกต่างจากการประมาณราคาโครงสร้างคอนกรีตเสริมเหล็ก
ที่การวัดปริมาณแต่ละครั้งจะแน่นอนตายตัวว่ามีปริมาณเท่าใดเพราะขนาดจะปรากฏตามแบบ
 แต่การประมาณราคางานก่อสร้างที่ต้องมีการใช้เครื่องจักรกลหนัก
(heavy construction equipment)
ในการขุด ขน และบดอัดค่าที่ได้จะไม่แน่นอนเนื่องจากวัสดุเหล่านี้จะไม่มีลักษณะเป็นเนื้อเดียวกัน(homogeneous)
เหมือนที่ปรากฎตามแบบหรือตามรายงานผลการเจาะสำรวจดิน(boring log)      ผู้รับเหมาจึงต้องผลักภาระความเสี่ยงในโครงการให้กับเจ้าของโครงการ
โดยการเผื่อราคางานไว้มาก
        ทำให้ราคางานสูงโดยไม่จำเป็น              ผู้รับเหมาบางรายไม่กล้าประมูลงานในราคาสูงเพราะกลัวว่าจะไม่ได้งาน
จึงต้องประมูลงานในราคาต่ำกว่าที่ควรจะเป็น
         ทำให้การทำงานมีโอกาสขาดทุนและทิ้งงานในที่สุด
 

002

สาเหตุที่ทำให้การประมาณราคาผิดพลาด

สาเหตุหลักๆที่ทำให้การประมาณราคางานก่อสร้างที่เกี่ยวข้องกับการใช้เครื่องจักรกลหนักผิดพลาดมีหลายประการ  เช่น  การไม่เข้าใจสภาพของวัสดุ
ที่ต้องเข้าไปเกี่ยวข้อง
  การเลือกเครื่องจักรเครื่องมือไม่เหมาะสม  การประหยัดค่าแรงงานโดยไม่จำเป็น      การไม่เข้าใจค่าใช้จ่ายที่ซ่อนเร้นหรือนึกไม่ถึงว่าจะมี 
การวางแผนการทำงานไม่ดี
  แผนการซ่อมบำรุงไม่มีประสิทธิภาพ  ผู้มีอิทธิพลในพื้นที่ที่เข้าไปทำงาน ประสิทธิภาพการทำงานต่ำกว่าที่ได้คาดการณ์เอาไว้
กำหนดบริเวณที่พักเครื่องจักรกลไม่เหมาะสม ไม่ได้ออกไปดูสถานที่ก่อสร้างจริงก่อนการประมูลงาน
  การควบคุมการใช้น้ำมันเชื้อเพลิงไม่รัดกุม 
คนขับรถไม่ขับตามที่ได้กำหนดให้ การเปลี่ยนแปลงค่าของเงินและอัตราดอกเบี้ย เป็นต้น
  สิ่งต่างๆเหล่านี้ทำให้ราคางานของโครงการเปลี่ยนแปลงไปจากเดิมมาก
ทั้งๆที่สามารถป้องกันได้ถ้าผู้วางแผนและควบคุมงานเอาใจใส่ให้มากขึ้น
ซึ่งรายละเอียดจะได้กล่าวต่อไป   
 

003

สถานะของวัสดุที่จะต้องเข้าไปเกี่ยวข้อง

ในทางวิศวกรรมโยธา     ถานะของวัสดุที่นำมาใช้ถมที่หรือชั้นรองพื้น เช่น  ดิน  ทราย  ลูกรัง  จะมีอยู่ 3 สถานะ คือ สถานะดั้งเดิมตามธรรมชาติ
ที่ยังไม่มีอะไรมารบกวน
(bank volume or BCM)  เมื่อวัสดุเหล่านี้ถูกขุดหรือเคลื่อนย้ายวัสดุเหล่านี้จะมีปริมาตรฟูขึ้นหรือเพิ่มขึ้นจากเดิม
เนื่องจากมีอากาศเข้าไปแทรกในช่องว่างระหว่างเม็ดวัสดุเราเรียกสถานะของวัสดุเมื่อมีปริมาตรฟูขึ้นนี้ว่าปริมาตรเมื่อดินหลวม
(loose volume , LCM)     
และเมื่อวัสดุเหล่านี้ได้รับการบดอัดให้แน่นปริมาตรก็จะลดลงจากเดิมซึ่งเรียกว่าปริมาตรบดอัดแล้ว
(compact volume , CCM)   

เมื่อต้องทำการประมาณราคาจะต้องรู้ว่าเราเข้าไปเกี่ยวข้องกับวัสดุดังกล่าวในสภาพใดเพราะปริมาตรไม่เท่ากัน  การคิดเงินก็จะต่างกัน  เช่น 
การทำคันกั้นน้ำ
(dike or embankment) ที่ทำจากดินเหนียว  ปริมาตรของคันดินตามแบบจะเป็นปริมาตรที่ผ่านการบดอัดมาแล้ว (CCM )
แต่รถบรรทุกที่ขนดินมาทำคันจะคิดเงินตามปริมาตรของดินที่อยู่ในสภาพหลวม
(LCM)  ส่วนการกำหนดขอบเขตและความลึกของบ่อยืมดิน(borrow pit)
จะคิดจากปริมาตรที่อยู่ในสภาพดินเดิมตามธรรมชาติที่ยังไม่มีอะไรรบกวน
(BCM) ซึ่งปริมาตรทั้ง 3 ชนิดมาจากเนื้องานเดียวกันทั้งสิ้นแต่คิดเงิน(pay volume)ต่างกัน

004

การเลือกเครื่องจักรเครื่องมือไม่เหมาะกับงาน

เนื่องจากเครื่องจักรกลหนักที่เกี่ยวข้องกับงานดินจะมีน้ำหนักมาก    การทำงานเคลื่อนย้ายดินที่ยังมีน้ำอยู่ในดินหรือดินยังไม่แห้งสนิทควรใช้เครื่องจักร
ที่สามารถลอยตัวอยู่ได้บนดินโดยล้อไม่จม
   ถ้าใช้เครื่องจักรที่ล้อจมในดินจะทำให้ทำงานยาก   ล้อจะติดดินต้องออกแรงมากขึ้นทำให้สิ้นเปลืองน้ำมัน
และค่าสึกหรอของเครื่องจักรเครื่องมือมากขึ้น
  ค่าบำรุงรักษาจะเพิ่มมากขึ้น  ราคาที่ประเมินเอาไว้ก็จะผิดพลาดได้

แต่ถ้าหากนำเครื่องจักรเครื่องมือที่ทำงานในที่ลุ่มมาใช้ในที่แห้งก็จะทำให้การเคลื่อนที่ของรถช้าเพราะแรงต้านของพื้นที่มีต่อล้อจะมากเนื่องจากล้อใหญ่       
ผลที่ตามมาก็คือได้งานน้อยเมื่อเทียบกับเวลาที่รถติดเครื่องยนต์อยู่นั่นคือประสิทธิภาพการทำงานจะลดลง
  ปริมาณงานที่ทำได้ต่อชั่วโมงก็ลดลง
ทำให้ต้องเสียเวลาทำงานมากขึ้นจึงทำให้เสียค่าใช้จ่ายมากขึ้นตามไปด้วย

005

ค่าใช้จ่ายซ่อนเร้น

ในการประมาณราคาที่เกี่ยวข้องกับเครื่องจักรกลงานดิน ผู้ประเมินราคาต้องรู้ปริมาณงานและเครื่องจักรเครื่องมือที่จะใช้ในโครงการว่าต้องใช้รถประเภทใดบ้าง   
ส่วนจำนวนเท่าใดจะคิดภายหลัง
   การใช้เครื่องจักรเครื่องมือเก่าจะทำให้ต้นทุนเริ่มต้นลดลงเพราะไม่ต้องไปซื้อใหม่  แต่ผู้ประเมินราคาลืมไปว่า
การใช้เครื่องจักรเครื่องมือเก่าจะก่อให้เกิดผลตามมามากมายล้วนแต่ทำให้งบประมาณที่ได้ตั้งเอาไว้เปลี่ยนแปลงไปจากเดิมก่อนเริ่มโครงการ
     เช่น              
ต้องซ่อมบ่อย
    ราคาต่อหน่วยงานที่ทำได้ของคนขับรถจะสูงขึ้นเพราะไม่ต้องทำงานเนื่องจากรถเสีย        นอกจากนี้เครื่องจักรเครื่องมือเก่า
อาจทำให้เกิดอุบัติเหตุง่ายขึ้น
  ค่ารักษาพยาบาลและค่าเงินชดเชยจะสูงขึ้นด้วย        ในกรณีที่คนงานบาดเจ็บเนื่องจากใช้เครื่องจักรเครื่องมือ
ที่ไม่มีประสิทธิภาพเมื่อกลับมาทำงานใหม่ความสามารถในการทำงานจะลดลงจึงต้องเสียเวลาทำงานมากขึ้น
     ทำให้เสียค่าใช้จ่ายเพิ่มขึ้นด้วย  เป็นต้น

ถ้าหากว่าทำงานโดยเช่าเครื่องจักรแทนการซื้อ
 เมื่อเครื่องจักรตัวใดตัวหนึ่งเสียสามารถเปลี่ยนได้โดยง่าย  แต่ก็ต้องใช้เวลามากกว่า 1 วันเสมอ 
ค่าใช้จ่ายก็ต้องเพิ่มขึ้นจากที่ได้ประมาณราคาไว้ตั้งแต่แรกเช่นเดียวกัน

006

การวางแผนการทำงานของเครื่องจักรไม่ดี

ในการคิดปริมาณงานที่เครื่องจักรทำงานได้ต่อชั่วโมง จะนำเวลาการทำงานมาคิดด้วยว่าเมื่อติดเครื่องยนต์แล้วจะทำงานได้จริงๆเท่าใด  
การวัดเวลาการทำงานของเครื่องจักรสามารถทำได้โดยการติดตั้งอุปกรณ์พิเศษที่เรียกว่าเครื่องบันทึกเวลาการทำงาน
(service meter unit , SMU)
ซึ่งอุปกรณ์ตัวนี้จะทำหน้าที่บันทึกเวลาทุกครั้งที่มีการติดเครื่องยนต์

เนื่องจากการทำงานเกี่ยวกับงานดินจะมีเครื่องจักรเครื่องมือหลายๆชนิดเข้ามาเกี่ยวข้อง เช่น  ขุด  ขน  ทิ้ง  เกลี่ย  และบดอัดให้แน่น  เป็นต้น  
เครื่องจักรเครื่องมือแต่ละชนิดทั้งหมดต้องทำงานสอดคล้องรับกันเป็นช่วงๆ
  เช่น  รถขุดตักดินใส่รถบรรทุกจนเต็มจากนั้นรถบรรทุกคันใหม่ก็จะเข้ามาแทนที่
เช่นนี้เรื่อยไปไม่มีหยุด
      หรือเมื่อรถบรรทุกนำดินไปทิ้งรถแทรคเตอร์ทำการเกลี่ยทันที  เป็นต้น   ถ้ากระบวนการทำงานเป็นไปอย่างต่อเนื่องไม่ขาดตอน
จะทำให้เสียค่าใช้จ่ายน้อยที่สุดซึ่งผู้ประเมินราคามักจะคาดว่าเป็นเช่นนั้น
แต่ถ้าในการทำงานจริงเครื่องจักรแต่ละชนิดต้องจอดคอยกัน เช่น 
รถขุดต้องจอดคอยรถบรรทุก
  รถบรรทุกต้องจอดคอยรถบรรทุกคันหน้าเพื่อทิ้งดิน  เป็นต้น  กรณีเช่นนี้จะทำให้เวลาที่เครื่องจักรแต่ละชนิดทำงานได้ลดลง
จึงต้องเพิ่มเที่ยววิ่งทำให้ค่าใช้จ่ายเพิ่มขึ้นด้วย

อีกประการหนึ่งที่สำคัญก็คือการกำหนดทิศทางที่รถจะวิ่ง     ถ้ากำหนดไม่ดีรถจะเสียเวลามากในการวิ่งแต่ละเที่ยว  เช่น  รถเปล่าจะวิ่งเร็วและรถที่บรรทุกดินเต็ม
จะวิ่งช้า
        ถ้ากำหนดทิศทางที่รถเปล่าวิ่งเหนือลมจะทำให้มีฝุ่นมาก  ทัศนวิสัยไม่ดีทำให้มองเห็นได้ไม่ชัดเจน  คนขับรถจะเหยียบเบรคเพื่อลดความเร็วลง
โดยสัญชาติญาณทำให้ต้องเสียเวลาวิ่งมากขึ้น
  ปริมาณงานที่ทำได้ต่อชั่วโมงลดลง  ค่าใช้จ่ายก็จะเพิ่มขึ้นจากที่ได้ประเมินเอาไว้  เป็นต้น

007

ประหยัดค่าแรงงานโดยไม่จำเป็น

เมื่อรถบรรทุกนำดินมาทิ้ง  คนขับรถมักจะคิดว่าทิ้งตรงไหนก็ได้ขอให้อยู่ภายในบริเวณสถานที่ก่อสร้างก็พอ  ความคิดนี้ถูกแต่ไม่ทั้งหมด 
เพราะการทิ้งดินตรงจุดที่ไม่ควรจะทิ้งจะทำให้เครื่องจักรต้องทำงานนานขึ้นเพื่อให้ได้ปริมาณงานที่เท่ากัน
  เช่น  รถบรรทุกทิ้งดินด้านหลังรถแทรคเตอร์
จะทำให้เสียค่าใช้จ่ายเพิ่มขึ้นแต่ได้ปริมาณงานเท่าเดิม
 เพราะกว่ารถแทรคเตอร์จะกลับรถมาเพื่อเกลี่ยดินให้ได้ระดับ
จะเสียเวลามากกว่าการทิ้งดินด้านหน้ารถแทรคเตอร์เพื่อให้รถใช้เกียร์เดินหน้าเกลี่ยดินได้ทันทีซึ่งจะใช้เวลาน้อยกว่าจึงทำให้ประหยัดมากกว่า
  

วิธีการแก้ปัญหานี้ก็คือจ้างคนเพื่อทำหน้าที่กำหนดจุดทิ้งดินเพื่อให้เครื่องจักรได้ทำงานง่ายที่สุด  เร็วที่สุด  อย่าไปคิดว่าคนขับรถบรรทุกจะรู้เองว่า
ควรทิ้งดินตรงจุดใด
  เพราะคนขับรถจะทิ้งดินให้เร็วที่สุดเพื่อกลับไปบรรทุกดินใหม่เพื่อให้ได้จำนวนเที่ยวการบรรทุกมากที่สุด

008

แผนการซ่อมบำรุงไม่มีประสิทธิภาพ 

การทำงานดินในบริเวณที่ห่างไกลจากร้านค้าต้องมีการสำรองอะไหล่ของรถอย่างพอเพียงมิฉะนั้นเมื่อรถเสียจะต้องจอดคอยอะไหล่เป็นเวลานานทำให้เสียเวลา    
และทำให้การทำงานไม่ต่อเนื่องเพราะขาดรถบางคันไป
       เช่น       ถ้ารถบรรทุกเสียไป 1 คัน จะทำให้การทำงานของรถตักดินไม่ต่อเนื่องต้องจอดคอยระยะเวลาหนึ่ง
ทำให้ความสามารถในการทำงานต่อชั่วโมงลดลง
  ค่าใช้จ่ายจะเพิ่มขึ้นจากที่ได้ประเมินเอาไว้  นอกจากนี้การไม่นำรถเข้าซ่อมตามเวลาที่กำหนดก็จะทำให้รถเสียหาย
มากกว่าที่ได้คาดการณ์เอาไว้
  เช่น       การไม่เปลี่ยนไส้กรองน้ำมันเครื่อง  การไม่ทำความสะอาดรังผึ้งหม้อน้ำ  เป็นต้น  สิ่งเหล่านี้ทำให้รถเสียหายโดยไม่จำเป็น

วิธีการแก้ปัญหาเรื่องนี้  คือ  กันรถบางส่วนไว้เป็นรถสำรอง เมื่อรถคันใดเสียหายให้ถอดอะไหล่จากรถสำรองไปใช้ก่อนจากนั้นให้สั่งอะไหล่ชิ้นนั้นมาทดแทนทันที  หรือ
อีกวิธีหนึ่งให้นำรถสำรองนั้นไปใช้สับเปลี่ยนกับรถคันที่เสียแล้วนำรถที่เสียเข้าซ่อมต่อไป
        แบบนี้ทำให้การทำงานเป็นไปอย่างต่อเนื่อง  ไม่ขาดตอน  ไม่ต้องเสียเวลา
คอย
  ราคาค่าก่อสร้างจะไม่เพิ่มขึ้นจากที่ได้ประมาณการเอาไว้
 

009

ผู้มีอิทธิพลในพื้นที่

ผู้มีอิทธิพลไม่ได้หมายถึงแต่นักการเมืองทุกระดับแต่เพียงอย่างเดียว    แต่ยังรวมถึงข้าราชการทุกประเภท  นักบวช   นักเลงประจำถิ่น  ผู้ก่อการร้าย  เป็นต้น  กลุ่มคน
เหล่านี้เป็นตัวแปรสำคัญที่ทำให้ราคาค่าก่อสร้างเปลี่ยนแปลงไปจากเดิมได้มาก
          เช่น    การขอบริจาคเงินในโอกาสต่างๆ  การขอความช่วยเหลือทางด้านเครื่องจักรกล
หนักเพื่อพัฒนาท้องถิ่น
  วัด  โรงเรียน  หรือ การเรียกค่าคุ้มครองจากการก่อการร้าย หรือ จากนักการเมืองทุกระดับ  เป็นต้น  สิ่งเหล่านี้ล้วนแต่ทำให้ต้องเสียค่าใช้จ่ายเพิ่มขึ้น
ทั้งสิ้น
   และไม่สามารถแก้ให้หมดไปได้เพราะเป็นปัญหาที่เกี่ยวข้องกับมวลชนซึ่งมีความละเอียดอ่อนมาก
 

010

ประสิทธิภาพการทำงานต่ำกว่าที่ได้คาดการณ์ไว้

ประสิทธิภาพการทำงานหมายถึงเวลาที่รถติดเครื่องยนต์แล้วทำงานได้ปริมาณงานตามที่ได้ประมาณการเอาไว้   ถ้าทุกอย่างเป็นไปตามแผนรถที่ติดเครื่อง
ใน
1 ชั่วโมงจะทำงานได้เต็มที่จริงๆไม่เกิน 50 นาที หรือ ประมาณ 83 % เท่านั้น เวลาที่เหลืออีก 10 นาทีจะใช้ไปในการอุ่นเครื่องยนต์
เพื่อให้น้ำมันหล่อลื่นไหลหมุนเวียน
  การพักสูบบุหรี่หรือเข้าห้องน้ำของคนขับรถ  การแคะดินออกจากล้อ  หรือ  การหยุดคอยระยะสั้นๆ  เป็นต้น      
ดังนั้นถ้าคนขับรถติดเครื่องยนต์แต่ไม่ทำงานหรือพักนานกว่าที่ควรจะเป็น หรือรถต้องจอดคอยนานเกินไป
     ประสิทธิภาพการทำงานจะลดลงไป
จากที่ได้วางแผนเอาไว้คือใน
60 นาทีที่รถติดเครื่องยนต์จะทำงานได้จริงๆไม่ถึง 50 นาที

วิธีแก้ปัญหานี้ก็คือจะต้องมีผู้ควบคุมดูแลงานสนามคอยเตือนเมื่อมีการพักนานกว่าที่ควรจะเป็น หรือ ต้องพยายามให้คนขับรถทำงานตามที่ได้มีการวางแผนเอาไว้อย่าง
เคร่งครัดซึ่งสิ่งต่างๆเหล่านี้มีผลต่อราคางานทั้งสิ้น

011

กำหนดบริเวณที่พักเครื่องจักรกลหนักไม่เหมาะสม

บริเวณที่พักเครื่องจักรกลหนักในสนามเป็นปัจจัยหนึ่งที่ทำให้ราคางานเปลี่ยนแปลงไปจากที่ได้คาดการณ์เอาไว้แต่แรกเป็นอย่างมาก 
ถ้าจุดที่พักเครื่องจักรกลหนักอยู่บริเวณใจกลางโครงการก่อสร้างจะทำให้เครื่องจักรกลหนักไปถึงส่วนต่างๆของโครงการได้อย่างรวดเร็ว
 
ประหยัดการขนส่งหรือขนย้ายในสนามเป็นอย่างมาก
   ถ้าจุดพักเครื่องจักรกลหนักอยู่ห่างจากจุดที่จะทำงานมากจะเสียค่าใช้จ่ายเพิ่มขึ้นโดยไม่จำเป็น  เช่น
การให้รถแทรคเตอร์วิ่งไปทำงานที่อยู่ห่างจากจุดที่พักรถ
1 กม. หมายความว่าประสิทธิภาพการทำงานของชั่วโมงการทำงานนั้นไม่มี
เพราะติดเครื่องยนต์แต่ไม่ได้งาน
 ค่าใช้จ่ายก็ยังเสียไปเท่าเดิมคือ ค่าน้ำมันเชื้อเพลิง ค่าคนขับ  ค่าสึกหรอของเครื่องยนต์ ยิ่งมีรถแทรคเตอร์
หลายคันค่าใช้จ่ายจะยิ่งเพิ่มขึ้นเป็นเงาตามตัว
         เป็นต้น

วิธีแก้ปัญหานี้ก็คือควรกำหนดจุดที่พักเครื่องจักรกลหนักให้อยู่บริเวณที่จะเข้าถึงส่วนต่างๆของโครงการก่อสร้างได้ง่าย  ไม่เสียเวลามาก  

012

ไม่ได้ออกไปดูสถานที่ก่อสร้างจริงก่อนการประมูลงาน 

การออกไปดูสถานที่ที่จะทำการก่อสร้างก่อนการยื่นซองประกวดราคา (job site visit)  เป็นสิ่งจำเป็นอย่างยิ่งเพราะแบบที่ไปซื้อมา
เพื่อถอดแบบประมาณราคาอาจจะออกแบบมาหลายปีแล้ว
  สภาพภูมิประเทศในขณะออกแบบกับเมื่อเปิดประมูลอาจจะมีการเปลี่ยนแปลงไปจากเดิม
ที่ไม่ได้บันทึกไว้ในแบบก็เป็นได้
  เช่น  การสร้างเขื่อน  เป็นต้น  ผู้ออกแบบดูจากภาพถ่ายทางอากาศซึ่งได้ถ่ายไว้หลายปีแล้วปรากว่า
ไม่มีบ้านพักอาศัยก็ออกแบบไปตามสภาพนั้น
  เมื่อผู้รับเหมาซื้อแบบเพื่อจะยื่นซองประกวดราคาและไม่ได้ไปดูสถานที่ก่อสร้างจริงก็จะเข้าใจว่า
บริเวณที่จะก่อสร้างไม่มีบ้านเรือนราษฎรอยู่แต่เมื่อจะเริ่มลงมือก่อสร้างจริงปรากฎว่ามีบ้านเรือนราษฎรเข้าไปอยู่มากไม่สามารถดำเนินการก่อสร้างได้
ต้องหยุดเพื่อเจรจากับมวลชน
  ในระหว่างการเจรจาก็จะเสียค่าโสหุ้ยเพิ่มขึ้นจากที่ได้ประมาณราคาเอาไว้แต่เดิม  เช่น  ในหมวดเงินเดือนและค่าจ้าง 
ค่าบริหารสำนักงานสนาม
  เป็นต้น  นอกจากนี้  ถนน  สะพาน  ที่จะเข้าไปยังสถานที่ก่อสร้างอาจจะต้องมีการซ่อมแซมก่อนเริ่มการก่อสร้าง         
ซึ่งต้องเสียค่าใช้จ่ายจำนวนหนึ่งซึ่งถ้าไม่ได้รวมราคาเหล่านี้ไว้ด้วยตั้งแต่ก่อนการยื่นซองประกวดราคาแล้วกำไรที่คาดว่าจะได้รับ
ในการดำเนินโครงการจะเปลี่ยนแปลงไปจากเดิม
 

013

การควบคุมการใช้น้ำมันเชื้อเพลิงไม่รัดกุม 

น้ำมันเชื้อเพลิงเป็นสิ่งหนึ่งที่ควบคุมได้ยากที่สุดในโครงการก่อสร้างในสนามเพราะสามารถตักแบ่งเป็นหน่วยย่อยได้ง่าย หมายความว่า
มีการลักขโมยกันได้ง่ายที่สุดอย่างหนึ่งในโครงการก่อสร้างที่เกี่ยวข้องกับเครื่องจักรกลหนัก
ในการประมาณราคาสำหรับอัตราการใช้น้ำมัน
ของเครื่องจักรกลหนักมักจะใช้ค่ากลางๆ คือ
  0.1514 ลิตร / แรงม้า /ชม. ทำงาน  สำหรับเครื่องจักรกลหนักที่ใช้น้ำมันดีเซล
และ 0.2271 ลิตร / แรงม้า / ชม. ทำงานสำหรับเครื่องจักรกลหนักที่ใช้น้ำมันเบนซิน เมื่อมีการลักขโมยน้ำมันไปจากคลังเก็บน้ำมันในสนาม       
ค่าใช้จ่ายในหมวดน้ำมันเชื้อเพลิงก็จะเปลี่ยนไปจากตอนยื่นซองประกวดราคา
 

014

คนขับรถไม่ขับตามที่ได้กำหนดให้

ในการประมาณราคาที่เกี่ยวข้องกับเครื่องจักรกลหนักโดยเฉพาะอย่างยิ่งรถบรรทุกดิน   การที่จะได้ราคาต่อหน่วยงานที่ทำได้ของรถบรรทุก
จะต้องมีการวางแผนก่อนว่าจะให้รถบรรทุกน้ำหนักเท่าใด
         ความเร็วที่รถวิ่งควรเป็นเท่าใดเพราะรถเปล่ากับรถที่บรรทุกหนักจะใช้ความเร็วต่างกัน 
นอกจากนี้แล้วเกียร์ที่ใช้จะขึ้นอยู่กับน้ำหนักบรรทุก
  ความเร็วที่ใช้  ความลาดเอียงของพื้นที่และสภาพของถนน  สิ่งต่างๆเหล่านี้จะมีผลต่อราคางานทั้งสิ้น  เช่น 
เมื่อรถวิ่งขึ้นเนินต้องใช้แรงมากตามคู่มือรถจะบอกว่าควรใช้เกียร์ใดและความเร็วเท่าใดจึงจะทำให้รถวิ่งได้อย่างประหยัดค่าใช้จ่ายที่สุด
และได้ประสิทธิภาพการทำงานของเครื่องยนต์สูงสุด
    ถ้าไม่ขับตามที่ได้กำหนดไว้ตามคู่มือรถก็จะเสียค่าบำรุงรักษามากกว่าที่ได้คาดการณ์ไว้
ในขั้นตอนการประมาณราคา
  เป็นต้น
 

015

การเปลี่ยนแปลงค่าของเงินและดอกเบี้ยเงินกู้

การเปลี่ยนแปลงค่าของเงินและดอกเบี้ยเงินกู้เป็นสาเหตุที่สำคัญอีกประการหนึ่งที่ทำให้ราคางานก่อสร้างที่ได้ทำการประมาณราคาเอาไว้
เปลี่ยนแปลงไปจากเดิมมากและอยู่นอกเหนือการควบคุมของคนธรรมดาสามัญ
  โดยทั่วๆไป ปัญหานี้สามารถทำให้บรรเทาลงได้
โดยการนำเอาสัญญาแบบปรับราคาได้หรือสัญญาที่มีค่า
K (escalation factor)เข้ามาใช้ในโครงการ  ซึ่งสัญญาแบบนี้จะมีสูตรหาค่า K หลายสูตร
แตกต่างกันออกไปตามลักษณะและชนิดของงานจึงต้องพิจารณาเลือกใช้ให้เหมาะสมกับงานที่ทำ
 

016

สรุป

ในการประมาณราคางานก่อสร้างที่เกี่ยวข้องการใช้เครื่องจักรกลหนัก การชนะหรือแพ้การประมูล  กำไรหรือขาดทุนจากการทำงาน 
ส่วนใหญ่จะอยู่ที่การควบคุมงานต้องให้เป็นไปตามแผนที่วางเอาไว้ก่อนหน้านั้นให้มากที่สุดเท่าที่จะทำได้และต้องปรับตัวให้เข้ากับการเปลี่ยนแปลงที่เกิดขึ้นให้เร็วที่สุด
   
นอกจากนี้การคิดปริมาตรดินได้ถูกต้องใกล้เคียงความจริงมากที่สุด
,การเลือกเครื่องจักรกลหนักได้เหมาะสมกับงาน การกำหนดแผนการทำงาน
ของเครื่องจักรกลหนักแต่ละชนิดสอดคล้องกันไม่ต้องจอดคอย
  เข้าใจสภาพของดินที่จะต้องเข้าไปเกี่ยวข้องว่าจะใช้ปริมาตรดินสภาพใดเป็นฐานในการคิดเงิน 
สิ่งต่างๆเหล่านี้จะช่วยลดความผิดพลาดในการประมาณราคาได้อย่างมาก

 

017

เอกสารอ้างอิง

  1. Komatsu, “SPECIFICATION AND APPLICATION HANDBOOK”, 10 th  Edition Tokyo : Komatsu Printing , 1987. 450 pages.
     

  2. Caterpillar, “ CATERPILLAR PERFORMANCE HANDBOOK ”, 18 th  Edition ,Illinois: A Cat Publication , Caterpillar Inc., 1987.
    768 pages.


rscelaw@yahoo.com

ปรับปรุงแก้ไข เสาร์, 21 พฤษภาคม 2548 21:05:22