สำนักงานที่ปรึกษากฎหมายและวิศวกรรม รังสรรค์ วงษ์บุญ
Office of Law and Engineering Consultants
ตัวอย่าง
Specification งานก่อสร้างอาคาร
เฉพาะงานทางด้านวิศวกรรมโยธา
001 |
วัตถุประสงค์ |
ผู้ว่าจ้างมีความประสงค์จะทำงานก่อสร้าง
และติดตั้งอุปกรณ์ประจำอาคารสำหรับโครงการ สำนักวิจัยวิทยาศาสตร์และเทคโนโลยี
สถาบันเทคโนโลยีพระจอมเกล้าพระนครเหนือ ให้เป็นไป
|
002 |
สารบัญ |
|
003 |
บทที่1 ข้อกำหนด และขอบเขตทั่วไป |
||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||
1. |
คำจำกัดความ |
||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||
|
ผู้ว่าจ้าง หมายถึง สถาบันเทคโนโลยีพระจอมเกล้าพระนครเหนือ |
||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||
|
ผู้รับจ้าง หมายถึง ผู้เสนอราคาที่ได้ทำสัญญาการจ้างเหมากับผู้รับจางแล้ว |
||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||
|
สถาปนิก วิศวกร ผู้ควบคุมงาน หมายถึง สถาปนิก วิศวกร ผู้ควบคุมงานของผู้ว่าจ้างที่ผู้ว่าจ้างได้มอบหมายให้ควบคุมดูแลงานก่อสร้าง |
||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||
|
ผู้แทนผู้ว่าจ้าง หมายถึง สถาปนิก วิศวกร ผู้ควบคุม หรือผู้ที่ได้รับมอบหมายจากผู้ว่าจ้างให้ควบคุมดูแล หรือมีหน้าทีเกี่ยวข้องกับงานก่อสร้างตลอดจนการทำสัญญาการจ้างเหมา |
||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||
|
คณะกรรมการตรวจการจ้าง หมายถึง คณะกรรมการที่ผู้ว่าจ้างแต่งตั้งขึ้นเป็นผู้ควบคุมดูแลการดำเนินการในระหว่างก่อสร้าง |
||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||
2. |
การตรวจสอบ
|
||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||
3. |
แบบขยายรายละเอียด และวิธีปฏิบัติงาน (SHOP DRAWINGS) |
||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||
|
ผู้รับจ้างจะต้องศึกษา และตรวจสอบรายละเอียดต่าง ๆ ก่อนดำเนินการปฏิบัติงานทุกแห่งในงานก่อสร้าง และจัดทำขึ้นเป็นแบบขยายรายละเอียด ให้เสนอเป็นแบบพิมพ์เขียวจำนวน 3 ชุด ลงวันที่ชื่อในโครงการ และตำแหน่งของแบบ ขยายรายละเอียดต่อสถาปนิก วิศวกร หรือผู้ควบคุมงาน โดยแบบขยายรายละเอียดจะต้องแสดงถึงวิธีการ การดำเนินการ ตำแหน่ง และระยะต่าง ๆ ในการปฏิบัติงานให้ละเอียด ผู้รับจ้างจะต้องส่งรูปแบบขยายรายละเอียดให้กับสถาปนิก วิศวกร หรือผู้ควบคุมงานเพื่อการอนุมัติ ก่อนการดำเนินงานอย่างน้อย 60 วัน และจะต้องแจ้งให้ตัวแทนผู้ว่าจ้างทราบก่อนการทำงานอย่างน้อย 24 ชั่วโมง จึงจะดำเนินงานได้
แบบขยายรายละเอียด
(SHOP DRAWINGS)
ที่ได้รับอนุมัติจากผู้ควบคุมงานทั้งหมด
ผู้รับจ้างจะต้องรวบรวมเป็นรูปเล่มส่งมอบให้ผู้ว่าจ้างในวันส่งมอบงาน |
||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||
4. |
การพิมพ์แบบ และรายการสำหรับการก่อสร้าง แบบ
และรายการสำหรับใช้ในการก่อสร้าง ที่นอกเหนือไปจากแบบ
และรายการที่เป็นส่วนหนึ่งของสัญญาว่าจ้างผู้ว่าจ้างจะเป็นผู้จัดพิมพ์ให้ตามความจำเป็นที่ผู้รับจ้างจะต้องใช้ใน |
||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||
5. |
การเก็บรักษาแบบในที่ก่อสร้าง
ผู้รับจ้างจะต้องเก็บแบบแปลนพร้อมทั้งรายการก่อสร้างไว้ ณ ที่ก่อสร้าง 1
ชุด โดยจัดเรียงลำดับ และเย็บไว้เป็นระเบียบ เพื่อให้ตรวจสอบได้ทุกเวลา |
||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||
6. |
ลิขสิทธิ์ของแบบ และรายการ แบบ
และรายการก่อสร้าง และพิมพ์เขียวที่จัดทำทั้งหมด
เป็นสิทธิ์ของเจ้าของงานห้ามผู้ใดนำไปใช้งานอื่น |
||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||
7. |
บันทึกการแก้ไขแบบ
|
||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||
8. |
ระเบียบการเสนอเพื่อพิจารณาอนุมัติวัสดุ |
||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||
|
|
||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||
9. |
วัสดุ อุปกรณ์ และคนงาน ผู้รับจ้างต้องจัดหา และออกค่าใช้จ่ายสำหรับวัสดุ ค่าแรง น้ำ เครื่องมือ
อุปกรณ์ ดวงไฟ ค่าไฟ ค่าขนส่ง และสิ่งอำนวยความสะดวกอื่น ๆ
ในการดำเนินงานจนแล้วเสร็จ หากไม่ระบุ |
||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||
10. |
การทดสอบ
หากไม่มีระบุไว้อย่างอื่นการจัดการตรวจสอบ
และจัดหาอุปกรณ์ที่จำเป็นในการทดสอบต่าง ๆ ให้เป็นภาระของผู้รับจ้าง
การตรวจสอบวัสดุ
และอุปกรณ์ให้ได้มาตรฐานเป็นที่พอใจให้ทำตามคำสั่งของสถาปนิก วิศวกร
หรือผู้ควบคุมงาน
และเสนอรายงานการทดสอบซึ่งการทดสอบนี้อาจกระทำโดยเจ้าหน้าที่ทดสอบจนได้ผลเป็นที่พอใจค่าใช้จ่ายของการทดสอบในห้องปฏิบัติการ
และในสนามเป็นของผู้รับจ้าง |
||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||
11. |
ตารางงาน
|
||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||
12. |
ไฟฟ้าแสงสว่าง ไฟฟ้ากำลัง
และน้ำที่ใช้ชั่วคราว |
||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||
13. |
สำนักงานชั่วคราว ที่เก็บของ และห้องน้ำ
ห้องส้วม
|
||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||
14. |
ยาม |
||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||
15. |
การใช้สถานที่
ผู้รับจ้างจะต้องจัดสร้างที่เก็บวัสดุเครื่องมือ และสัมภาระ
และที่ทำงานของคนงานให้อยู่ในขอบเขตของบริเวณที่ทำการก่อสร้าง
โดยได้รับความเห็นชอบของผู้ว่าจ้างก่อน
ผู้รับจ้างจะต้องจัดให้ให้มีการป้องกันวัสดุ หรือ
เศษวัสดุไม่ให้ล่วงหล่น ซึ่งอาจทำให้เกิดอันตราย
หรือความไม่ปลอดภัยแก่คนงาน และบุคคลภายนอก ตลอดจนทรัพย์สิน |
||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||
16. |
ป้าย
|
||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||
17. |
การรักษางาน และทรัพย์สิน ผู้รับจ้างต้องจัดการป้องกันรักษางานทั้งหมด และทรัพย์สินของผู้ว่าจ้างให้ปลอดภัยจากความเสียหายอันอาจเกิดขึ้น ผู้รับจ้างต้องจัดการซ่อมแซม แก้ไขส่วนที่เสียหายทั้งหมดให้อยู่ในสภาพที่ดีเรียบร้อย ผู้รับจ้างจะต้องจัดการป้องกันรักษางานที่ทำแล้ว หรือยังไม่แล้วเสร็จตลอดระยะเวลาของการก่อสร้าง ให้อยู่ในสภาพใหม่เรียบร้อยจนกว่าจะส่งมอบงาน ทั้งต้องป้องกันทรัพย์สินของผู้อื่นให้ปลอดภัย จากการเสียหายตามกฎหมาย และตามเงื่อนไขที่ระบุ |
||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||
18. |
การประกัน
ผู้รับจ้างต้องทำประกันความเสียหายทุกประเภทของอาคาร และวัตถุ
เพื่อป้องกันความเสียหายอันอาจเกิดเนื่องจากอัคคีภัย อุทกภัย สงคราม จลาจล
ฯลฯ ตลอดระยะเวลาจนส่งมอบงานงวดสุดท้าย
การทำประกันให้ลงนามร่วมกันระหว่างผู้รับจ้าง และผู้ว่าจ้าง |
||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||
19. |
การวางหลักทรัพย์ประกัน
ในการตกลงเซ็นสัญญา
ผู้รับจ้างจะต้องวางหลักเกณฑ์ประกันแก่ผู้ว่าจ้างเป็นมูลค่าตามที่ตกลงไว้
หลักทรัพย์นี้จะเป็นการรับรองการชำระค่าฤชาตามสัญญา
และรับรองการชำระ |
||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||
20. |
การตรวจงาน
ผู้ว่าจ้างมีสิทธิที่จะเข้าดูงานได้ทุกเวลา ไม่ว่าจะเป็นระยะเตรียมงาน
หรือระหว่างปฏิบัติงาน ผู้รับจ้างต้องให้ความสะดวก
และจัดหาอุปกรณ์จำเป็นสำหรับการตรวจงานนั้น งานใดที่มีการระบุไว้
ให้มีการทดสอบ หรือตรวจสอบเป็นพิเศษ
ผู้รับจ้างจะต้องแจ้งให้ทราบเวลาที่พร้อมสำหรับการนั้นหากมีงานส่วนใดที่จะทำไปก่อนโดยไม่ได้ตรวจสอบ
และไม่ผ่านการพิจารณาของสถาปนิกและวิศวกร หรือผู้ควบคุมงาน
ผู้ว่าจ้างมีสิทธิที่จะสั่งให้รื้อถอน หรือทุบส่วนนั้นเพื่อการ
ตรวจสอบงานขั้นก่อนนั้นได้โดยผู้รับจ้างเป็นผู้ออกค่าใช้จ่าย
ถ้าปรากฏว่ามีงานใดไม่เป็นไปตามเงื่อนไขในสัญญา
สถาปนิก วิศวกร
หรือผู้ควบคุมงานจะสั่งแก้ไขเป็นลายลักษณ์อักษรแก่ผู้ว่าจ้าง
ซึ่งผู้รับจ้างต้องปฏิบัติตามค่าใช้จ่ายในการแก้ไขเปลี่ยนแปลง
งานส่วนนั้นให้เป็นภาระของผู้รับจ้าง |
||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||
21. |
งานฝีมือ
ผู้รับจ้างจะต้องจัดหาช่างฝีมือที่มีความสามารถและความชำนาญในแต่ละประเภทมาปฏิบัติงานนั้น
ๆ มาตรฐานของการทำงานต้องเป็นชั้นหนึ่งเท่านั้น ถ้าปรากฏว่าช่างฝีมือนั้น |
||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||
22. |
ผู้ควบคุมงานก่อสร้าง ผู้รับจ้างจะต้องหาผู้ควบคุมงานก่อสร้าง โดยให้มีคุณวุฒิตามที่ระบุไว้ในข้อกำหนดสำหรับการขออนุญาตปลูกสร้างอาคารมาประจำอยู่ ณ สถานที่ก่อสร้างระหว่างการปฏิบัติงาน ซึ่งจะเป็นผู้ที่ได้รับมอบหมายจากผู้รับจ้างให้เป็นผู้รับคำสั่งจาก สถาปนิก วิศวกร หรือผู้ควบคุมงาน และเป็นผู้เซ็นรับรองบันทึกการก่อสร้าง และเงื่อนไขต่าง ๆ และสถาปนิก วิศวกร และผู้ควบคุมงาน มีสิทธิที่จะขอให้เปลี่ยนผู้ควบคุมงานก่อสร้างใหม่ได้ ผู้รับจ้างจะต้องจัดหาผู้ควบคุมงานก่อสร้างที่มีคุณวุฒิ ความสามารถ และมีความเหมาะสมมาปฏิบัติงานแทนในหน้าที่ทันที |
||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||
23. |
การขอทำงานนอกเวลาทำงานปกติ การปฏิบัติงานในการก่อสร้าง ซึ่งจำเป็นจะต้องควบคุมมาตรฐานการทำงาน อันได้แก่ คุณภาพ ชนิด ปริมาณ ส่วนผสม และวิธีการดำเนินงาน จะต้องมีผู้แทนผู้ว่าจ้างคอยตรวจสอบเฝ้าดู และรู้เห็นในการดำเนินงานตลอดเวลา เช่น การตอกเสาเข็ม การผสม และเทคอนกรีต การผสมสี และน้ำยาพิเศษอื่น ๆ การบดอัด และการกลบดิน เป็นต้น หากผู้ว่าจ้างมีความประสงค์จะทำการปฏิบัติงานดังกล่าวนอกเวลาทำงานปกติ ให้ทางผู้รับจ้างทำใบเสนอการทำงานดังกล่าวแก่ทางผู้แทนผู้ว่าจ้างก่อน 24 ชั่วโมง ของการปฏิบัติงาน เพื่อที่ทางผู้ว่าจ้างจะได้จัดตัวแทนของผู้ว่าจ้างมาคอยตรวจสอบ เฝ้าดูการปฏิบัติงานดังกล่าว (ค่าใช้จ่ายในการทำงานล่วงเวลาของสถาปนิก วิศวกร หรือผู้ควบคุมงานผู้รับจ้างจะต้องเป็นผู้รับผิดชอบ) และจะต้องได้รับการอนุมัติจากทางตัวแทนผู้ว่าจ้างเป็นลายลักษณ์อักษรก่อน กรณีที่ผู้รับจ้างฝ่าฝืน ผู้ว่าจ้าง หรือผู้แทนผู้ว่าจ้างมีสิทธิสั่งรื้อถอน และให้ทำใหม่ หรือตรวจสอบแก้ไข หรือบอกเลิกสัญญาเลยก็ได้ โดยทางผู้รับจ้างไม่มีสิทธิเรียกร้องค่าใช้จ่าย หรือค่าเสียหายใด ๆ ทั้งสิ้น ค่าบริการควบคุมงานนอกเหนือเวลาปกติ ในกรณีที่ผู้ควบคุมงานจะต้องทำงานล่วงเวลา หรือทำงานนอกเหนือเวลาปกติ ผู้ควบคุมงานก่อสร้างขอคิดอัตราค่าบริการนอกเหนือเวลาปกติต่อคนดังนี้ - ค่าล่วงเวลาสถาปนิก วิศวกรควบคุมงาน และผู้จัดการโครงการ 600 บาท / ชั่วโมง - ค่าล่วงเวลาช่างเทคนิคควบคุมงาน 300 บาท / ชั่วโมง - ค่าล่วงเวลาธุรการ 100 บาท / ชั่วโมง ช่วงเวลาทำงานปกติ หมายถึง ช่วงเวลา 8.30 17.30 น. ของวันจันทร์ ถึงวันศุกร์ ในแต่ละสัปดาห์ และวันเสาร์ที่ 1 และ 3 ในแต่ละเดือน ยกเว้นวันหยุดนักขัตฤกษ์ ตามประกาศของบริษัทฯ ซึ่งเป็นไปตามกฎหมายแรงงานไม่เกินปีละ 15 วัน ผู้รับจ้างจะต้องเป็นผู้รับผิดชอบในการจ่ายค่าควบคุมงานนอกเหนือเวลาปกติ แก่ผู้ควบคุมงานก่อสร้างโดยตรงหลังรับใบแจ้งหนี้ ในแต่ละเดือนภายใน 30 วัน |
||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||
24. |
การเปลี่ยนแปลงงาน สถาปนิก วิศวกร หรือผู้ควบคุมงาน มีสิทธิเปลี่ยนแปลงงานส่วนย่อยได้ โดยไม่กระทบกระเทือนถึงมูลค่า และโดยไม่ขัดแย้งกับวัตถุประสงค์ของอาคาร การเพิ่มเติม และลดงาน ผู้ว่าจ้างมีสิทธิ์ที่จะสั่งลด หรือเพิ่มเติมงานส่วนใด ส่วนหนึ่ง หรือสั่งเปลี่ยนแปลงวัตถุ นอกเหนือไปจากแบบ และรายการในสัญญาข้อตกลงได้โดยจะกระทำเป็นลายลักษณ์อักษรจากผู้ว่าจ้าง หรือตัวแทนของผู้รับจ้าง การพิจารณามูลค่าที่เนื่องมาจากการเปลี่ยนแปลงดังกล่าวมาแล้ว อาจกระทำได้โดยวิธีดังต่อไปนี้
การเรียกร้องมูลค่าเพิ่มเติม นอกเหนือจากกรณีที่กล่าวมาแล้ว จะไม่มีผลใด ๆ ทั้งสิ้น และหากทุกฝ่ายไม่สามารถตกลงกันได้ในการพิจารณาเพิ่มมูลค่าโดยวิธีดังกล่าวข้างบนนี้ อาจให้มีการเรียกร้องการตัดสินชี้ขาดได้ |
||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||
25. |
การแก้ไขเปลี่ยนแปลงงานที่ปฏิบัติไปแล้ว หากผู้ว่าจ้าง และสถาปนิก วิศวกร หรือผู้ควบคุมงาน พิจารณาเห็นว่าวัตถุ หรืองานที่ผู้รับจ้างได้ใช้ หรือปฏิบัติไปแล้วไม่เหมาะสม หรือไม่ถูกต้องตามแบบ หรือรายการตามข้อตกลงสัญญา ผู้รับจ้างจะต้องแก้ไขเปลี่ยนแปลงให้เป็นไปตามรายการ โดยไม่คิดค่าใช้จ่ายเพิ่มเติม และหากไม่สามารถจะแก้ไขได้ ผู้ว่าจ้างมีสิทธิที่จะหักเงินค่าชดเชยจากเงินที่ตกลงตามสัญญาได้ |
||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||
26. |
การแก้ไขงานก่อนการจ่ายเงินงวดสุดท้าย
หากปรากฏว่าวัตถุ หรืองานที่ผู้รับจ้างได้นำมาใช้
หรือปฏิบัติไปไม่ถูกต้องตรงกับที่ระบุไว้ในแบบรายการ
หรือคำสั่งเปลี่ยนแปลงแก้ไขที่เป็นลายลักษณ์อักษรตามข้อตกลงสัญญา และสถาปนิก
หรือวิศวกร พิจารณาเห็นว่าไม่เหมาะสม ผู้รับจ้างจะต้องรื้อถอน
หรือเคลื่อนย้ายวัตถุออกไปจากสถานที่ทันที
หรือเปลี่ยนแปลงแก้ไขงานนั้นให้ถูกต้องตรงตามข้อตกลงสัญญาโดยไม่คิดมูลค่าใด ๆ
เพิ่มเติมทั้งสิ้นหากผู้รับจ้างไม่ทำการเคลื่อนย้าย
หรือรื้อถอนเปลี่ยนแปลงแก้ไขวัตถุ
หรืองานที่ไม่ถูกต้องนั้นภายในเวลาที่สมควรผู้ว่าจ้างมีสิทธิจัดการเคลื่อนย้าย
และเปลี่ยนแปลงแก้ไขงานนั้นโดยคิดค่าใช้จ่ายจากผู้รับจ้าง |
||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||
27. |
การแก้ไขหลังการจ่ายเงินงวดสุดท้าย
การรับมอบงานงวดสุดท้าย
หรือการจ่ายเงินงวดสุดท้าย
ถือว่าผู้รับจ้างมีภาระการรับผิดชอบงานต่อไปเป็นเวลา
1 ปี ภายหลังวันรับมอบงานงวดสุดท้าย
หากมีความเสียหายใดๆ |
||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||
28. |
สิทธิของผู้ว่าจ้างในการแก้ไขหรือบอกเลิกสัญญา
หากผู้รักจ้างเพิกเฉยไม่ทำการแก้ไข
หรือปฏิบัติให้เป็นไปตามสัญญาภายใน
7 วัน หลังจากได้รับแจ้ง
เป็นลายลักษณ์อักษรของผู้ว่าจ้างแล้ว ผู้ว่าจ้างมีสิทธิให้ผู้อื่นมาจัดการ |
||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||
29. |
การยื่นเสนอขออนุมัติเบิกเงินค่าก่อสร้าง
ในกรณียื่นเสนอข้ออนุมัติเบิกเงินค่าก่อสร้างตามงวดเงินตามสัญญา
ผู้รับจ้างจะต้องทำบันทึกเสนอขออนุมัติเบิกเงินค่าก่อสร้าง
พร้อมทั้งลายละเอียดงานที่ได้ทำไปแล้วในงวด |
||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||
30. |
การยับยั้งการจ่ายเงินค่าก่อสร้าง ผู้ว่าจ้างมีสิทธิจะยับยั้งการจ่ายเงินค่าก่อสร้างส่วนใดส่วนหนึ่ง หรือทั้งหมดโดยการรับรองของผู้แทนผู้ว่าจ้าง ซึ่งพิจารณา เห็นว่า เป็นการป้องกันสิทธิ และรักษาผลประโยชน์ของผู้ว่าจ้างตามสัญญาในกรณีดังต่อไปนี้ ก. ผู้รับจ้างมิได้แก้ไขงานที่ไม่ตรงตามกำหนดในแบบรายการ หรือตามข้อตกลงให้ถูกต้อง ข. ผู้รับจ้างไม่สามารถดำเนินการตามกำหนดในแบบแปลน และรายการก่อสร้าง ค. ในกรณีที่ผู้รับจ้างควรจะสามารถทำงานให้ถูกต้องตามสัญญาได้
เมื่อผู้รับจ้างได้ดำเนินการแก้ไขกรณีดังกล่าวถูกต้องเป็นที่เรียบร้อยแล้ว
ผู้ว่าจ้างจะได้จ่ายเงินส่วนที่ยับยั้งไว้ให้แก่ผู้รับจ้าง |
||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||
31. |
การทำงานก่อสร้างเกินกำหนดสัญญา หากผู้รับจ้างไม่สามารถทำการก่อสร้างให้เป็นที่เรียบร้อยตามเวลาที่กำหนดไว้ในสัญญาผู้รับจ้างจะต้องชดใช้ค่าเสียหายแก่ผู้ว่าจ้าง นับแต่วันกำหนดเสร็จจนถึงวันเสร็จงานจริง เป็นมูลค่าตามที่ได้กำหนดไว้ในสัญญา และจะต้องรับผิดชอบค่าใช้จ่าย และค่าแรงของผู้ควบคุมงาน ในอัตราค่าจ้างที่ผู้ควบคุมงานได้รับจากผู้ว่าจ้าง ถ้ามีการขยายระยะเวลาการก่อสร้างเพิ่มเติมไปจากสัญญาเดิม ไม่ว่ากรณีใด ๆ ผู้รับจ้างยังคงต้องรับผิดชอบค่าใช้จ่ายและค่าแรงงานของผู้ควบคุมงาน |
||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||
32. |
ความเกี่ยวข้องระหว่างผู้รับจ้าง และผู้รับจ้างอื่นที่จ้างโดยตรงกับผู้ว่าจ้าง ผู้รับจ้างต้องร่วมกันกับผู้รับจ้างรายอื่นที่จ้างโดยตรงกับผู้ว่าจ้าง จัดทำตารางลำดับงาน และวางแผนการแก้ปัญหาต่าง ๆ ทั้งหมดให้เหมาะสมเป็นผลดีต่อการปฏิบัติงาน โดยผู้ว่าจ้าง หรือผู้แทนผู้ว่าจ้าง เป็นผู้ตรวจเห็นชอบด้วยเพื่อทำงานให้สัมพันธ์กัน ได้ผลตามระบุในแบบแปลน หากมีข้อขัดแย้งระหว่างผู้รับจ้าง และผู้รับจ้างรายอื่นที่จ้างตรงกับผู้ว่าจ้าง ให้ถือการตัดสินของผู้ว่าจ้างเป็นข้อยุติ |
||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||
33. |
แบบที่สร้างจริง (As-Built Drawings) 1. ผู้รับจ้างจะต้องเสนอแบบ As-Built Drawings ของสถาปัตยกรรม งานโครงสร้าง งานไฟฟ้า งานระบบสุขาภิบาล และงานปรับอากาศ มาตราส่วนไม่น้อยกว่าแบบที่เป็นส่วนหนึ่งของสัญญาว่าจ้าง ให้แก่ผู้ว่าจ้างในวันส่งมอบงาน แบบที่เสนอนี้ให้เป็นแบบกระดาษไขให้ระบุขนาด และทิศทางที่ได้ก่อสร้างจริง (จำนวน 1 ชุด) สำเนาลงใน CD-ROM 2 ชุด และพิมพ์เขียวจำนวน 2 ชุด (เขียนแบบด้วยคอมพิวเตอร์โปรแกรม AutoCAD RELEASE 12 หรือโปรแกรมที่สูงกว่า)
2.
ผู้รับจ้างจะต้องรวมรวมเข้าเล่มเป็นชุด เกี่ยวกับรายการ วัสดุก่อสร้างแคตตาล๊อค
สี ขนาด
รายละเอียดคำอธิบายวิธีใช้วัสดุอุปกรณ์คู่มือของผู้ผลิตวัสดุที่ใช้ในโครงการมอบให้ผู้ว่าจ้างจำนวน
2
ชุด |
||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||
34. |
กรณีรายละเอียดของเอกสารแบบไม่ตรงกัน ในการก่อสร้างอาคารผู้รับจ้างจำเป็นจะต้องจัดการก่อสร้างอาคารให้ตรงตามแบบและสัญญา กรณีที่แบบ รายการประกอบแบบ แบบขยายทั่วไป บัญชีรายการวัสดุ และเอกสารอื่น ๆ ประกอบสัญญาไม่ตรงกัน หรือ ขัดแย้งกัน ให้ผู้รับจ้างเสนอผู้ออกแบบพิจารณา โดยพิจารณาจากความจำเป็นในการใช้สอยและความสวยงาม คงทนถาวรเป็นหลักให้ถือปฏิบัติตามการพิจารณาของผู้ออกแบบ โดยผู้รับจ้างไม่สามารถคิดค่าใช้จ่ายเพิ่มเติมได้ |
||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||
35. |
การโอนสัญญา ผู้รับจ้างจะต้องไม่โอน หรือมอบช่วงสัญญา โดยไม่ได้รับการยินยอมจากผู้ว่าจ้างเป็นลายลักษณ์อักษร |
||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||
36. |
สิทธิ และหน้าที่ของสถาปนิก วิศวกร หรือผู้ควบคุมงาน
|
||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||
37. |
การทำความสะอาดสถานที่ ในขณะก่อสร้าง ผู้รับจ้างจะต้องรักษาสถานที่ให้สะอาดปราศจากเศษวัสดุที่เกิดจากการปฏิบัติงาน หรือจัดการให้เรียบร้อยที่สุดเท่าที่จะทำได้ เมื่องานแล้วเสร็จผู้รับจ้างจะต้องขนเศษไม้ นั่งร้าน และวัสดุเหลือใช้อื่น ๆ ออกจากอาคาร และบริเวณให้หมดสิ้น และทำความสะอาดบริเวณให้อยู่ในสภาพที่จะเข้าใช้สอยได้ทันที |
||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||
38. |
การรับมอบงาน
เมื่องานแล้วเสร็จในแต่ละงวด ผู้รับจ้างจะต้องแจ้งแก้ผู้ว่าจ้าง
โดยผ่านทางผู้แทนผู้ว่าจ้างตามลำดับขั้นให้ทราบ
เพื่อจะได้ทำการตรวจสอบพิจารณาว่างานนั้นสมบูรณ์ตรง เมื่อผ่านการตรวจสอบแล้ว ปรากฏว่างานถูกต้องตรงตามสัญญาผู้ว่าจ้างจะออกใบรับมอบงานให้แก่ผู้รับจ้าง |
||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||
39. |
ข้อกำหนด และมาตรฐานหลัก เพื่อให้อ้างหรือเทียบคุณภาพ หรือทดสอบวัสดุก่อสร้าง และวิธีการติดตั้งวัสดุก่อสร้างตลอดจน วิธีการติดตั้งวัสดุอุปกรณ์สำหรับงานก่อสร้างตามสัญญา ในโครงการนี้มีดังต่อไปนี้
|
004 |
บทที่ 2 รายละเอียดประกอบแบบงานสถาปัตยกรรม |
27. สารบัญ มาตรฐานการก่อสร้าง เลขหน้า 1. งานก่อผนัง สถ 02 2. งานฉาบปูน สถ 06 3. งานไม้ สถ 10 4. งานโลหะ สถ 15 5. งานระบบกันซึม สถ 16 6. งานระบบป้องกันความร้อน สถ 19 7. งานหลังคา สถ 20 8. งานกระเบื้องปูพื้น และผนัง สถ 22 9. งานหินขัด สถ 24 10. งานทรายล้าง กรวดล้าง และหินขัด สถ 26 11. งานกระเบื้องยาง สถ 28 12. งานพรม สถ 30 13. งานผิวคอนกรีตชนิดต่างๆ สถ 31 14. งานฝ้าเพดาน สถ 33 15. งานผนังเบา สถ 35 16. งานสุขภัณฑ์ สถ 36 17. งานสี สถ -37 18. งานประตู และหน้าต่าง สถ 42 19. งานอลูมิเนียม และกระจก สถ 47 20. งานผนังห้องน้ำสำเร็จรูป สถ 52 21. งานกำจัดปลวก สถ 54 22. งานก่อสร้างติดตั้งแผ่นผนังคอนกรีตสำเร็จรูป สถ 56 รายการวัสดุที่ใช้ในการก่อสร้าง สถ 60
|
|||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||
บทที่ 2
รายละเอียดประกอบแบบงานสถาปัตยกรรม |
|||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||
|
|||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||
บทที่ 2
รายละเอียดประกอบแบบงานสถาปัตยกรรม |
|||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||
|
|||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||
บทที่ 2
รายละเอียดประกอบแบบงานสถาปัตยกรรม |
|||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||
|
|||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||
|
บทที่ 2
รายละเอียดประกอบแบบงานสถาปัตยกรรม |
1. |
ขอบเขตของงาน
ผู้รับจ้างจะต้องจัดหาแรงงาน, วัสดุ, อุปกรณ์ และสิ่งจำเป็นอื่น ๆ
ในการติดตั้งงานหลังคา ตามแบบก่อสร้างจนเสร็จเรียบร้อย |
2. |
ข้อกำหนดทั่วไป |
3. |
วัสดุ และการติดตั้ง
|
บทที่ 2
รายละเอียดประกอบแบบงานสถาปัตยกรรม |
1. |
ขอบเขตของงาน ผู้รับจ้างจะต้องจัดหาแรงงาน วัสดุ อุปกรณ์ และสิ่งจำเป็นอื่นๆในการก่อสร้างงานปูกระเบื้องพื้น และผนังที่ระบุในแบบก่อสร้างจนเสร็จเรียบร้อย งานเหล่านี้ หมายรวมถึง
|
2. |
ข้อกำหนดทั่วไป
|
3. |
วัสดุ
|
4. |
กรรมวิธีการปูกระเบื้อง
|
บทที่ 2
รายละเอียดประกอบแบบงานสถาปัตยกรรม |
1. |
ขอบเขตงาน ผู้รับจ้างจะต้องจัดหาวัสดุ, แรงงาน, อุปกรณ์ และสิ่งจำเป็นในการก่อสร้างงานพื้นหินขัด บัวเชิงผนังหินขัด และบันไดหินขัด ตามที่ระบุในแบบก่อสร้างจนเสร็จเรียบร้อย |
2. |
ข้อกำหนดทั่วไป
|
3. |
วัสดุ
|
4. |
กรรมวิธีการทำหินขัด พื้นที่จะทำหินขัดจะต้องสะอาด ปราศจากน้ำมัน ฝุ่น หรือเศษฝุ่น ก่อนลงมือทำหินขัด จะต้องล้างให้สะอาดเสียก่อน ภายหลังจากทำความสะอาดแล้ว จึงตัดเส้นแบ่งแนวหินขัด โดยใช้ปูนทรายเป็นตัวยึดเส้นแบ่งแนวกับพื้นเดิม เส้นแบ่งแนวจะต้องได้รับ ได้ฉาก และได้แนวกับผนัง เส้นแบ่งแนวที่ชนกันจะต้องเรียบร้อย ทิ้งไว้ให้แห้งเป็นเวลาไม่น้อยกว่า 24 ชม. จึงทำปูนทรายระดับได้ ก่อนทำปูนทรายระดับจะต้องล้างพื้นให้สะอาดเสียก่อน จึงเทปูนทรายทำระดับให้เหลือผิวที่จะทำหินขัดให้มีความหนาไม่น้อยกว่า 1.5 ซม. ก่อนที่ปูนทรายทำระดับจะเริ่มแข็งตัวให้ขูดผิวหน้าให้ขรุขระให้ทั่วทั้งบริเวณ ทิ้งไว้ให้แข็งตัวเป็นเวลา 24 ชม. จึงทำผิวหินขัดได้ ก่อนลงมือทำผิวหินขัด ให้ราดน้ำผิวปูนทรายให้เปียกโดยทั่วถึงเสียก่อน จึงเทหินขัดซึ่งมีส่วนผสมตามระบุ ผิวหินขัดจะต้องมีความหนาไม่น้อยกว่า 1.5 ซม. ใช้เกรียงตกแต่งให้เรียบร้อยผิวหินขัดจะต้องเรียบและได้ระดับ รดน้ำให้ชุ่มอยู่เสมอเป็นเวลา 48 ชม. และทิ้งไว้ให้แข็งตัวเป็นเวลาไม่น้อยกว่า 3 ตัว จึงทำการขัดผิวหน้าได้ การขัดผิวหน้าให้ขัดด้วยเครื่อง โดยใช้น้ำเป็นตัวหล่อลื่น การขัดผิวหินขัดให้ขัดครั้งแรกด้วยหินหยาบเพื่อให้ได้ระดับ แต่งผิวหน้าด้วยปูนซีเมนต์ สีเดิม และทิ้งไว้ให้แห้ง จึงขัดผิวผิวหน้าครั้งที่สองด้วยหินละเอียด หินขัดที่เสร็จเรียบร้อยแล้ว จะต้องได้ระดับมีเม็ดหินสม่ำเสมอโดยทั่วกันทั้งห้อง การทำบัวเชิงผนังหินขัด ให้ตั้งเส้นแบ่งแนวหินขัดห่างจากผนัง หรือเสาที่จะทำบัวเชิงผนัง ประมาณ 10 ซม. และเว้นพื้นหินขัดส่วนที่ติดกับผนังไว้ทำพร้อม กับหินขัดบัวเชิงผนัง การทำบัวเชิงผนังหินขัดจะต้องทำบัวส่วนที่ติดกับพื้นภายหลัง ในกรณีที่ปรากฏว่าพื้นหินขัดส่วนใดส่วนหนึ่งไม่เรียบร้อย สีไม่สม่ำเสมอมีรอยด่างแตกร้าว หรือเส้นแบ่งแนวไม่ตรงผู้รับจ้างจะต้องรีบแก้ไขทันทีโดยสกัดพื้นหินขัดตรงที่เสียหายออกทั้งช่องทำให้ใหม่จนเรียบร้อบ ทั้งนี้เกล็ดหินอ่อนและสีจะต้องเหมือนกับของเดิม หรือบริเวณข้างเคียง |
บทที่ 2
รายละเอียดประกอบแบบงานสถาปัตยกรรม |
1. |
ขอบเขตของงาน |
2. |
ข้อกำหนดทั่วไป
|
||||||||||
3. |
วัสดุ
|
||||||||||
4. |
กรรมวิธีในการทำผิวทรายล้าง การเตรียมพื้นผิว ให้ทำความสะอาดพื้นผิว และฉาบปูนปรับผิวหน้า แต่ฉาบเฉพาะปูนเค็มรองพื้นเท่านั้น ปรับผิวหน้าให้เรียบร้อย และเพื่อให้เกิดการยึดเหนี่ยวใช้เครื่องมือขูดขีดผิวหน้าที่ฉาบเป็นรอยตัดไปตัดมาก่อนที่ปูนฉาบนั้นจะ แห้งทิ้งปูนที่ฉาบให้แห้งสนิทไม่น้อยกว่า 7 วัน ผสมหินล้าง หรือกรวดล้างสัดส่วนตามตัวอย่างที่สถาปนิกอนุมัติ ก่อนที่จะลงมือฉาบให้ทาน้ำปูนซีเมนต์ขาวจนทั่ว ทิ้งไว้จนหมาดจึงฉาบผิวล้าง กรวดล้าง หรือทรายล้าง แต่งผิวหน้าให้เรียบเมื่อซีเมนต์ขาวในหินล้าง หรือกรวดล้างแข็งตัว ให้ล้างผิวหน้าด้วยแปรง และน้ำสะอาดจนเห็นเกล็ดหิน หรือกรวดได้ชัดเจน เมื่อเสร็จเรียบร้อยแล้ว ผิวหน้าหินล้างกรวดล้างจะต้องเรียบสม่ำเสมอ ไม่เป็นคลื่น เป็นลอน มีสีกลมกลืน และปราศจากคราบปูนจับอยู่ เมื่อหินล้าง กรวดล้าง หรือทรายล้างแห้งดีแล้วให้ทำกรวดล้าง หรือทรายล้าง แห้งดีแล้ว ให้ทา หรือพ่นน้ำยา WATER REPELLENT บนผิวหน้าจนทั่ว 2 ครั้ง ใช้ผลิตภัณฑ์ของ SHERWIN WILLIAMS ICI หรือ JOTUN ในกรณีมิได้กำหนดเป็นอย่างอื่น ให้ผู้รับจ้างเว้นเป็นรอยต่อทุกระยะ 2.00 ม. โดยเดินแนวเส้น PVC ในการทำผิวพื้น และเว้น่อง 1 ซม. X 1 ซม. ในการทำผิวผนัง ทั้งนี้ให้เสนอสถาปนิกเพื่ออนุมัติก่อน ความหนาของหินล้างกรวดล้าง หรือทรายล้างต้องไม่น้อยกว่า 1 ซม. และเมื่อรวมความหนาฉาบปูนด้วย จะต้องหนาไม่เกิน 3.0 ซม. ส่วนที่เป็นมุมรับน้ำฝน เช่นใต้คานครีบ หรือกันสาดนอกอาคาร ให้เซาะร่องกว้าง 1 ซม. ลึก 1 ซม. เพื่อให้น้ำฝนหยดกันการไหลย้อน การฉาบหินล้าง กรวดล้าง หรือทรายล้าง ต้องกระทำเฉพาะเวลากลางวัน ห้ามทำขณะฝนตก หรือในบริเวณที่มีละอองน้ำกระจายอยู่ เมื่อฉาบ และล้างผิวหน้าเสร็จแล้ว หรือกรวดล้างแห้ง จะต้องระวังไม่ให้ถูกฝนหรือน้ำ การผสมหินล้าง กรวดล้าง หรือทรายล้าง ให้ผสมพอใช้ในแต่ละส่วนของเนื้อที่ที่แบ่งไว้ห้ามใช้หินล้าง หรือกรวดล้างที่ผสมคนละครั้งฉาบในเนื้อที่ส่วนแบ่งเดียวกัน หากปรากฏว่าหินล้าง กรวดล้าง หรือทรายล้างส่วนหนึ่งส่วนใด มีรอยด่าง มีสีไม่สม่ำเสมอ ผิวไม่เรียบ มีรอยแตกร้าวผู้รับจ้างจะต้องจัดการแก้ไขโดยสกัดส่วนที่เสียหายออกทั้งหมด ทั้งช่องที่แบ่งไว้ แล้วจึงฉาบหินล้าง กรวดล้าง หรือทรายล้างเข้าไปใหม่ งานหินล้าง กรวดล้าง ทรายล้าง จะต้องมีขนาดและสีเหมือนกันหมดทั้งอาคาร |
บทที่ 2
รายละเอียดประกอบแบบงานสถาปัตยกรรม |
1. |
ขอบเขตงาน |
2. |
ข้อกำหนดทั่วไป
|
3. |
วัสดุ
|
4. |
กรรมวิธีการติดตั้ง
|
บทที่ 2
รายละเอียดประกอบแบบงานสถาปัตยกรรม |
1. |
ขอบเขตของงาน |
2. |
ข้อกำหนดทั่วไป |
3. |
วัสดุ
|
4. |
การติดตั้ง |
บทที่ 2
รายละเอียดประกอบแบบงานสถาปัตยกรรม |
1. |
ขอบเขตของงาน
|
2. |
ข้อกำหนดทั่วไป
|
3. |
วัสดุ และ กรรมวิธีในการก่อสร้าง
|
บทที่ 2
รายละเอียดประกอบแบบงานสถาปัตยกรรม |
1. |
ขอบเขตของงานผู้รับจ้างจะต้องจัดหาแรงงาน , วัสดุ , อุปกรณ์ , และสิ่งจำเป็นอื่น ๆ ในการติดตั้งงานฝ้าเพดาน ตามระบุในแบบก่อสร้างจนเสร็จเรียบร้อย |
2. |
ข้อกำหนดทั่วไป
|
3. |
วัสดุและการติดตั้ง
|
บทที่ 2
รายละเอียดประกอบแบบงานสถาปัตยกรรม |
1. |
ขอบเขตของงาน |
2. |
ข้อกำหนดทั่วไป
|
3. |
วัสดุและการติดตั้ง |
บทที่ 2
รายละเอียดประกอบแบบงานสถาปัตยกรรม |
1. |
ขอบเขตของงาน |
2. |
ข้อกำหนดทั่วไป
|
3. |
สุขภัณฑ์ และ การติดตั้ง |
บทที่ 2
รายละเอียดประกอบแบบงานสถาปัตยกรรม |
1. |
ขอบเขตของงาน ผู้รับจ้างจะต้องจัดหาวัสดุ, อุปกรณ์ เครื่องใช้ และสิ่งอำนวยความสะดวกต่างๆเพื่อดำเนินการทาสีให้ลุล่วงดังที่กำหนดในแบบก่อสร้าง และรายการประกอบแบบก่อสร้าง และสัมพันธ์กับงานในส่วนอื่นๆด้วย การทาสี หมายถึง การทาสีอาคารทั้งภายนอก ภายใน และส่วนต่างๆที่มองเห็นด้วยตาทั้งหมด ยกเว้นส่วนที่กำหนดไว้เป็นอย่างอื่น หรือ ส่วนที่กำหนดให้บุด้วยวัสดุประดับต่างๆทั้งนี้ หากมีส่วนใดที่ผู้รับจ้างสงสัย หรือไม่แน่ใจ และขอคำแนะนำอนุมัติจากผู้ออกแบบทันที การทาสีให้รวมถึงตกแต่งอุดยาแนวผิวพื้น และการทำความสะอาดผิวพื้นต่างๆก่อนที่จะทำการทาสี ตลอดจนถึงการทาสีเพื่อรักษา และป้องกันผิวไม้ และเหล็กส่วนที่มองไม่เห็น |
2. |
ข้อกำหนดทั่วไป
|
3. |
การเตรียมงานก่อนการทาสี
|
4. |
วัสดุ/ประเภทของสี และกรรมวิธีการทา
|
บทที่ 2
รายละเอียดประกอบแบบงานสถาปัตยกรรม |
1. |
ขอบเขตของงาน ผู้รับจ้างจะต้องจัดหาแรงงาน วัสดุ อุปกรณ์ และสิ่งจำเป็นอื่นๆ ในการติดตั้งงานประตูและหน้าต่าง ที่ระบุในแบบก่อสร้างจนเสร็จเรียบร้อย งานประตูหน้าต่างหมายรวมถึง ประตูหน้าต่างไม้และโลหะทุกชนิด ยกเว้นประตู,หน้าต่างอลูมิเนียม นอกจากนี้ยังหมายรวมถึงอุปกรณ์ทั้งหมดที่เกี่ยวข้องกับงานประตูหน้าต่าง |
2. |
ข้อกำหนดทั่วไป
|
3. |
วัสดุและอุปกรณ์
|
4. |
การประกอบ และ ติดตั้ง
|
บทที่ 2
รายละเอียดประกอบแบบงานสถาปัตยกรรม |
1. |
ขอบเขตของงาน |
2. |
ข้อกำหนดทั่วไป
|
3. |
วัสดุ
|
4. |
การติดตั้ง
|
บทที่ 2
รายละเอียดประกอบแบบงานสถาปัตยกรรม |
1. |
ขอบเขตของงาน ผู้รับจ้างจะต้องจัดหาแรงงาน วัสดุ อุปกรณ์ และสิ่งจำเป็นต่างๆ ในงานติดตั้งผนังห้องน้ำสำเร็จรูป ตามที่ระบุในแบบก่อสร้าง และทดสอบจนเสร็จเรียบร้อยใช้งานได้ดี งานผนังห้องน้ำสำเร็จรูป หมายรวมถึง ประตู มือจับ บานพับ ที่ใส่กระดาษชำระ และอุปกรณ์อื่นๆ ที่เกี่ยวข้อง |
2. |
ข้อกำหนดทั่วไป
|
3. |
วัสดุ
|
บทที่ 2
รายละเอียดประกอบแบบงานสถาปัตยกรรม |
1. |
ขอบเขตของงาน ผู้รับจ้างจะต้องจัดหาแรงงาน , วัสดุ , อุปกรณ์ , และสิ่งจำเป็นอื่นๆ ในการติดตั้งระบบป้องกัน และกำจัดปลวก จนเสร็จเรีบยร้อย |
2. |
ข้อกำหนดทั่วไป
|
3. |
ระบบป้องกันและกำจัดปลวก
|
บทที่ 2
รายละเอียดประกอบแบบงานสถาปัตยกรรม |
1. |
ขอบเขตของงาน
|
2. |
แบบติดตั้งหน้างาน ( SHOP DRAWING )
|
3. |
คุณสมบัติของแผ่นผนังคอนกรีตสำเร็จรูป
|
4. |
การติดตั้ง
|
5. |
การประกันผลงาน
|
6. |
มาตรฐาน การออกแบบ การผลิต ติดตั้งแผ่นผนังคอนกรีตสำเร็จรูป (PRE-CATS CONCRETE WELL PANEL) ให้ใช้มาตรฐานของ บริษัท เยนเนอรัล เอนยิเนียริ่ง จำกัด หรือเทียบเท่า |
|
รายการวัสดุที่ใช้ในการก่อสร้าง
ส่วนนี้จะมีรายละเอียดเกี่ยวกับวัสดุที่ใช้ในโครงการทั้งหมด และ
ความหมายของคำว่าเทียบเท่าว่าจะสามารถใช้ยี่ห้อใดได้บ้างประมาณ 3 ยี่ห้อ |
005 |
บทที่ 3 รายละเอียดประกอบแบบงานวิศวกรรมโครงสร้าง |
สารบัญ |
|
|
|
|
1. |
งานดิน |
คส -02 |
|
2. |
งานเสาเข็มเจาะแห้ง |
คส -06 |
|
3. |
งานไม้แบบ |
คส -12 |
|
4. |
เหล็กเสริมคอนกรีต |
คส -17 |
|
5. |
คอนกรีต |
คส -20 |
|
6. |
งานโลหะและเหล็กรูปพรรณ |
คส -30 |
|
7. |
พื้นคอนกรีตอัดแรงในที่ |
คส -33 |
บทที่ 3
รายละเอียดประกอบแบบงานวิศวกรรมโครงสร้าง |
1. |
งานขุดดิน
|
2. |
ชนิดวัสดุ หมายเลข 1 :- เป็นทรายเม็ดปนดิน ซึ่งมีมวลละเอียดผ่านตะแกรงเบอร์ 200 ไม่เกิน 20% โดยปราศจากสารอินทรีย์ รากไม้ เศษขยะ เศษวัชพืช หรือเศษวัสดุอื่นใดที่ทำให้ไม่สามารถทำการบดอัดได้ หมายเลข 2 :- เป็นทรายหยาบซึ่งมีมวลละเอียดที่ผ่านตะแกรงเบอร์ 200 ไม่เกิน 2% และจะต้องปราศจากวัสดุหมายเลข 1, 3 หรือ 4 เจือปน หมายเลข 3 :- เป็นดินลูกรัง ซึ่งมวลหยาบค้างบนตะแกรงเบอร์ 10 จะต้องแกร่งมีค่าเปอร์เซนต์ ความสูญไม่เกิน 50% เมื่อทดสอบโดยวิธี Los Angeles abrasion test และมีมวลที่ผ่านตะแกรงเบอร์ 40 ค่า liquid limit ต้องไม่เกิน 25 และค่า plasticity index ต้องไม่เกิน 6 เมื่อทดสอบตามวิธี ASTM D423 และ D424 ลักษณะของดินลูกรังจะต้องปราศจากสารอินทรีย์ รากไม้ เศษขยะ เศษวัชพืช หมายเลข 4 :- เป็นหินคลุกมีค่าความสูญเสียโดยวิธี Los Angeles abrasion test ของมวลที่ค้างบนตะแกรงเบอร์ 10 ไม่เกิน 40% ลักษณะของหินจะต้องเป็นหินล้วน ปราศจากหินผุ รากไม้ เศษขยะ เศษวัชพืช |
บทที่ 3
รายละเอียดประกอบแบบงานวิศวกรรมโครงสร้าง |
1. |
ขอบเขตของงาน |
2. |
รายละเอียดประกอบการเสนอราคางานเสาเข็มเจาะ
|
3. |
การดำเนินงานทั่วไป ผู้รับจ้างจะต้องเป็นผู้รับผิดชอบโดยตรง ต่อทรัพย์สินหรือบุคคลใดๆเนื่องจากการทำงานเสาเข็มนี้ทั้งสิ้นจะไม่มีการคิดค่าเสียหายใดๆจากผู้ว่าจ้าง ในกรณีที่เครื่องจักรต้องติดตั้งค้างไว้ไม่ว่าเกิดอุปสรรคใดๆ เมื่องานเสาเข็มเสร็จแล้ว ผู้รับจ้างต้องจัดส่ง As Built Drawing แสดงจำนวนจริงของเสาเข็ม พร้อมรายละเอียดอื่นๆที่จำเป็นส่งให้กับผู้ว่าจ้าง |
4. |
ระบบเสาเข็ม |
5. |
เสาเข็มเจาะ ต้องใส่สารเคมีเพื่อหน่วงเวลาการแข็งตัวของคอนกรีต เพื่อไม่ให้คอนกรีตแข็งตัวก่อน 4 ชั่วโมง หรือตามความเหมาะสมกับระยะเวลาที่ใช้ในการเทคอนกรีต ผู้รับจ้างจะต้องเสนอผลการทดลองของสารเคมีดังกล่าว ให้วิศวกรผู้ควบคุมงานอนุมัติก่อนนำมาใช้ เหล็กเสริมที่จะนำมาใช้ต้องได้มาตราฐาน มอก. โดยใชเกรด SR24 สำหรับเหล็กเส้นกลม และเกรด SD30 สำหรับเหล็กข้ออ้อย โดยมีขนาดและปริมาณตามที่ระบุและกำหนดในแบบ |
6. |
วิธีการทำเสาเข็มเจาะ จัดเครื่องมือเข้าศูนย์กลางของเสาเข็มเจาะในกระเช้า ( Boring tackle) เจาะนำเป็นรูลึกประมาณ 1.00 เมตร
ตอกปลอกเหล็ก ( Casing ) โดยปกติจะทำเป็นท่อนๆ ยาวประมาณ
1.00-1.20 เมตร ต่อกันด้วยเกลียวลงในรูเจาะ
อย่าทำให้ปลอกเหล็กเอียง จนกระทั่งถึงชั้นดินปานกลาง เจาะเอาดินออกจากรูเสาเข็มเจาะ โดยใช้กระเช้าชนิดมีล้นปลาย หรือเจาะโดยการใช้ดอกสว่าน หรือ Bucket ให้ทำการเจาะเอาดินออกจนถึงระดับที่กำหนดไว้ในแบบ หรือจนถึงระดับที่ได้รับอนุมัติจากวิศวกรผู้ออกแบบ ตรวจสอบรูเจาะและก้นหลุมเพื่อมิให้มีการพังทลายของดิน หรือมีเศษวัสดุ ดิน ตกค้างอยู่ที่ก้นหลุมเจาะ ในกรณีที่มีเศษวัสดุหรือดินอยู่ ต้องนำขึ้นมาให้หมด หย่อนโครงเหล็กที่ผูกเตรียมไว้ลงในหลุมเจาะ ตามแบบการเสริมเหล็กในเสาเข็ม เทคอนกรีตลงไปในหลุมเจาะโดยกรวย (Hopper) ปลายกรวยควรเป็นท่อขนาดเส้นผ่านศูนย์กลางประมาณ 150-200 มม. ยาว 1.00 ม. เพื่อให้คอนกรีตหย่อนสู่ก้นหลุมตรง ๆ ไม่ปะทะผนังเข็มเจาะการเทคอนกรีตจะต้องไม่ทำให้เกิดการแยกตัว (Segregation) คอนกรีตที่ใช้ในเสาเข็มเจาะจะต้องให้มีความสามารถในการเทได้สูง โดยมี Slump ระหว่าง 10-15 ซม. เมื่อเทคอนกรีตจนกระทั่งได้ระดับที่ต้องการแล้ว ก่อนจะถอนปลอกเหล็ก (Casing) ขึ้น จะต้องทำการอัดลมเข้าไปในรูเจาะเพื่อทำให้คอนกรีตยุบตัวอัดแน่นขึ้น |
7. |
ข้อควรระวังในการทำเสาเข็มเจาะ การต่อปลอกเหล็กแต่ละท่อน จะต้องต่อให้แน่นพอสมควร มิฉะนั้นน้ำใต้ดิน (ถ้ามี) อาจจะซึมเข้าระหว่างรอยต่อของเกลียว จะทำให้คุณภาพของคอนกรีตไม่ดีเท่าที่ควร ระหว่างเจาะเอาดินขึ้นจะต้องตรวจสอบอยู่เสมอ ว่าผนังหลุมเจาะ หรือยุบเข้าไปหรือไม่ ควรสังเกตเสมอว่าการเจาะดินทุกครั้ง ควรจะได้ความลึกเพิ่มขึ้น และชนิดของดินควรจะเปลี่ยนไปตามความลึก โดยเทียบได้จาก Boring log หรือเสาเข็มต้นแรก ๆ ที่ทำแล้ว ถ้าเจาะดินแล้วความลึกไม่เพิ่มขึ้นหรือชนิดดินไม่เปลี่ยนแปลง ก็อาจแสดงว่าดินข้าง ๆ ได้พังลงมาเป็นกระเปะ จะต้องรีบแก้ไขโดยตอกปลอกเหล็กให้ลึกลงไปอีก จะต้องเจาะดินโดยระมัดระวัง การเจาะถึงชั้นทราย หรือดินปนทราย อันจะทำให้เกิดการซึมของน้ำใต้ดินเข้าหลุมเจาะอันจะทำให้เกิดการพังทลายของดินได้ ดินที่นำขึ้นมาจากหลุมเจาะ ควรนำออกนอกบริเวณก่อสร้างเร็วที่สุด อย่าปล่อยทิ้งเพราะทำให้เพิ่มน้ำหนักจร (Surcharge) ต่อการเจาะเสาเข็มต้นถัดไป อย่าทิ้งรูเจาะไว้นานเกินควร โดยไม่เทคอนกรีต จะทำให้ผิวดินกระทบความชื้นในอากาศนานเกินควร และสูญเสียแรงเฉือน (Skin Friction) ได้ ก้นหลุมมักจะมีเศษดินหล่นอยู่บ้าง ซึ่งไม่มีทางจะเก็บให้หมดได้ จึงควรกระทุ้ง (Compact) ให้แน่นก่อน โดยใช้คอนกรีตที่มีอัตราส่วนผสมของน้ำต่อซีเมนต์น้อย ๆ รอบก้นหลุมประมาณ 0.25 เมตร แล้วกระทุ้งจนแน่น จะช่วยให้เสาเข็มรับน้ำหนักได้ดียิ่งขึ้น เหล็กเสริมที่ใส่ในรูเจาะ มักจะยุบตัวลงตามปริมาตรของ Casing ที่ถอนขึ้น และการอัดตัวแน่นของคอนกรีตภายหลังการอัดลมขณะจะถอนปลอกเหล็กเสมอ ดังนั้น จะต้องสังเกตการทำเสาเข็มต้นแรก ๆ ว่าจะเผื่อความสูงไว้เท่าไร ไม่ควรใช้คอนกรีตค่อนข้างแข็ง ควรให้เหลวกว่าคอนกรีตธรรมดา Slump ประมาณ10-15 ซม. เพื่อให้คอนกรีตเกิด Self Compaction เวลาเทผ่านกรวยและไหลไปเต็มรูเจาะ จะต้องเทคอนกรีตผ่านกรวย เพื่อให้คอนกรีตหล่นลงตรง ๆ เพื่อไม่ให้เกิดการแยกตัว ควรเทคอนกรีตแบบหล่นอิสระ (Free Fall) จากปากหลุมเจาะโดยผ่านกรวยเพื่อป้องกันไม่ให้เกิดการแยกตัว (Segregation) ก่อนถอนปลอกเหล็ก ทุกครั้งจะต้องอัดลม เพื่อให้คอนกรีตแน่นตัว ไม่ควรทำเสาเข็มเจาะต้นที่ใกล้กว่าระยะ 3.00 เมตร จากเสาเข็มที่เพิ่งทำเสร็จ เพราะอาจจะทำคอนกรีตขณะกำลังแข็งตัวเสียกำลัง นอกจากหลัง 24 ชั่วโมง ภายหลังเสาเข็มเจาะต้นที่อยู่ติดกันเสร็จ ต้องเทคอนกรีตเผื่อให้หัวเสาเข็มสูงกว่าระดับที่ต้องการไม่น้อยกว่า 15 ซม. เพื่อสกัดออกภายหลัง เนื่องจากคอนกรีตบริเวณหัวเสาเข็มมักสกปรก และมีเศษวัสดุหรือดินหล่นลงไปหลังถอนปลอกเหล็กออกหมดแล้ว |
8. |
รายงานการทำเสาเข็มเจาะ
|
9. |
ค่าผิดพลาดที่ยอมให้ในระหว่างการทำเสาเข็มเจาะ |
10. |
ความถูกต้องสมบูรณ์ของเสาเข็มแต่ละต้น
หากเสาเข็มต้นใดเสีย ผู้รับจ้างจะต้องเป็นผู้รับผิดชอบ โดยอาจทำเสาเข็มใหม่ ขยายฐานรากหรือใส่คานเสริม เพื่อให้ฐานรากอาคารสามารถรับน้ำหนักได้อย่างปลอดภัย ตามคำแนะนำของวิศวกรผู้ออกแบบ โดยค่าใช้จ่ายเป็นของผู้รับจ้างเอง คำวินิจฉัยเสาเข็มต้นใดถูกต้องสมบูรณ์หรือไม่ ให้ถือคำวินิจฉัยของวิศวกรผู้ออกแบบเป็นที่สิ้นสุด |
11. |
การตรวจสอบเสาเข็มระหว่างทำและทำเสร็จเรียบร้อยแล้ว หลังจากการทำเสาเข็มเสร็จแล้ว และผู้รับจ้างงานอาคารได้ตัดเสาเข็มตามระดับที่กำหนดไว้แล้ว ผู้รับจ้างจะต้องทำการทดสอบความสมบูรณ์ของเสาเข็มโดยวิธี Sonic Integrity Test เป็นจำนวน 100% ของจำนวนเสาเข็มและจะต้องส่งผลทดสอบให้วิศวกรผู้ควบคุมงานพิจารณาภายใน 7 วัน ในกรณีทำการทดสอบแล้วพบว่าเสาเข็มเสียหายเนื่องจากเป็นการทำงานผิดพลาดจากผู้รับจ้างงานเสาเข็มเจาะ ผู้รับจ้างจะต้องเป็นผู้รับผิดชอบค่าใช้จ่ายในการแก้ไขระบบฐานรากทั้งหมด |
12. |
ช่วงห่างของเวลาและระยะเวลาของการเจาะเสาเข็มเจาะต้นถัดไป |
13. |
การประสานงานกับผู้รับจ้างก่อสร้างอาคาร |
บทที่ 3
รายละเอียดประกอบแบบงานวิศวกรรมโครงสร้าง |
1. |
ทั่วไป |
2. |
การคำนวณการออกแบบ
|
3 |
แบบ
|
4. |
การก่อสร้าง
|
5. |
วัสดุสำหรับงานแบบหล่อ |
6. |
การแก้ไขผิวที่ไม่เรียบ
|
7. |
ความคลาดเคลื่อนที่ยอมให้
|
บทที่ 3
รายละเอียดประกอบแบบงานวิศวกรรมโครงสร้าง |
1. |
ทั่วไป
|
2. |
คุณสมบัติของเหล็กเสริม
|
3. |
วิธีการก่อสร้าง
|
4. |
การต่อเหล็กเสริม
|
5. |
การเก็บรักษาเหล็กเส้นเสริมคอนกรีต |
6. |
การเก็บตัวอย่างทดสอบ |
บทที่ 3
รายละเอียดประกอบแบบงานวิศวกรรมโครงสร้าง |
1. |
ทั่วไป
|
2. |
วัสดุ
|
3. |
คุณสมบ้ติของคอนกรีต
|
4. |
การคำนวณออกแบบส่วนผสม
|
5. |
การผสมคอนกรีต
|
6. |
การผสมคอนกรีตต่อ
|
7. |
การเตรียมการเทคอนกรีตในอากาศร้อน |
8. |
การขนส่งและการเท
|
9. |
รอยต่อและสิ่งที่ฝังในคอนกรีต
|
10. |
การซ่อมผิวที่ชำรุด
|
11. |
การบ่มและการป้องกัน หลังจากเทคอนกรีตแล้ว และอยู่ในระยะแข็งตัว จะต้องป้องกันคอนกรีตนั้นจากอันตรายที่เกิดจากแสงแดด ลมแห้ง ฝน น้ำไหล การเสียดสี และจากการบรรทุกน้ำหนักเกินสมควร สำหรับคอนกรีตที่ใช้ปูนซีเมนต์ชนิดที่ 1 จะต้องรักษาให้ชื้นต่อกันเป็นเวลาอย่างน้อย 7 วัน โดยวิธีคลุมด้วยกระสอบ หรือผ้าใบ หรือขังน้ำ หรือพ่นน้ำ หรือโดยวิธีที่เหมาะสมอื่น ๆ ตามที่วิศวกร หรือผู้แทนวิศวกรเห็นชอบ สำหรับผิวคอนกรีตในแนวตั้ง เช่น เสา ผนัง หรือด้านข้างของคาน ให้หุ้มกระสอบ หรือผ้าใบให้เหลื่อมซ้อนกัน และรักษาให้ชื้นโดยให้สิ่งที่คลุม แนบติดกับคอนกรีต ในขณะที่ใช้ปูนซีเมนต์ชนิดที่ให้ความสูงเร็ว ระยะเวลาการบ่มชื้นให้อยู่ในวินิจฉัยของวิศวกร หรือผู้ควบคุมงาน |
12. |
การทดสอบ
|
13. |
การประเมินผลการทดสอบกำลังอัด
|
14. |
น้ำยาผสมคอนกรีต และวัสดุอุดซ่อมคอนกรีต
|
บทที่ 3
รายละเอียดประกอบแบบงานวิศวกรรมโครงสร้าง |
1. |
ทั่วไป
|
||||||
2. |
วัสดุ เหล็กรูปพรรณทั้งหมดจะต้องมีคุณสมบัติสอดคล้องกับมาตรฐานผลิตภัณฑ์ อุตสาหกรรมที่ มอ.ก.116-2517 หรือASTMหรือJISที่เหมาะสม |
||||||
3. |
การกองเก็บวัสดุ การเก็บเหล็กรูปพรรณทั้งที่ประกอบแล้วและยังไม่ได้ประกอบ จะต้องเก็บไว้บนยกพื้นเหนือพื้นดิน จะต้องรักษาเหล็กให้ปราศจากฝุ่น หรือสิ่งแปลกปลอมอื่นๆ และต้องระวังรักษาอย่าให้เหล็กเป็นสนิม |
||||||
4. |
การต่อ รายละเอียดในการต่อให้เป็นไปตามที่ระบุในแบบทุกประการ |
||||||
5. |
รูและช่องเปิด การเจาะหรือตัดหรือกดทะลุให้เป็นรู ต้องกระทำตั้งฉากกับผิวของเหล็ก และห้ามขยายรูด้วยความร้อนเป็นอันขาด ในเสาที่เป็นเหล็กรูปพรรณซึ่งติดต่อกับคานคสล. จะต้องเจาะรูไว้ให้เหล็กเสริมในคานคอนกรีตสามารถลอดได้ สภาพรูจะต้องเรียบร้อย ปราศจากรอยขาด หรือแหว่ง ขอบรูซึ่งคมและยื่นเล็กน้อยอันเกิดจากการเจาะด้วยสว่าน ให้ขจัดออกให้หมดด้วยเครื่องมือ โดยลบมุม2ม.ม. นอกจากรูสลักเกลียวจะต้องเสริมเหล็ก ซึ่งมีความหนาไม่น้อยไปกว่าความหนาขององค์อาคารที่เสริมนั้น รูหรือช่องเปิดภายในของแหวนจะต้องเท่ากับช่องเปิดขององค์อาคารที่เสริมนั้น |
6. |
การประกอบและยกติดตั้ง
|
7. |
งานสลักเกลียว
|
8. |
การต่อและการประกอบในสนาม
|
9. |
การป้องกันเหล็กมิให้ผุกร่อน
|
บทที่ 3
รายละเอียดประกอบแบบงานวิศวกรรมโครงสร้าง |
1. |
ทั่วไป |
2. |
คอนกรีต การสุ่มตัวอย่าง และทดสอบผู้รับเหมาต้องเก็บตัวอย่างแท่งคอนกรีตไว้เพื่อทำการทดสอบกำลังอัดประลัยโดยเก็บจากคอนกรีตที่นำมาเทหล่ออย่างน้อย 1 ตัวอย่างต่อปริมาตรคอนกรีต 6 ลูกบาศก์เมตร หรือเป็นจำนวนไม่น้อยกว่า 10 ตัวอย่าง ต่อการเทคอนกรีตเป็นพื้นที่ 300 ตารางเมตร การนับอายุของคอนกรีตให้นับจากวันสุดท้ายของการเทคอนกรีตในแต่ละบริเวณพื้นที่ซึ่งจะทำการดึงเหล็กอัดแรง |
3. |
เหล็กแรงดึงสูงและอุปกรณ์,เหล็กเสริมทั่วไป
(mild steel) สมอยึดเหล็กแรงดึงสูง ( Anchorage ) ต้องมีความสามารถในการรับแรงได้ไม่น้อยกว่า 95 เปอร์เซ็นต์ของแรงดึงประลัยของลวดเหล็กแรงดึงสูง วัสดุตามข้อนี้ ผู้รับเหมาต้องส่งตัวอย่างมาให้วิศวกรผู้ควบคุมงานอนุมัติก่อนจึงดำเนินการได้ รายละเอียดทั่วไปสำหรับงานคอนกรีตอัดแรงในที่ซึ่งไม่ได้ระบุในแบบหรือส่วนซึ่งจะต้องเพิ่มเติมเนื่องจากลักษณะวิธีการก่อสร้างของผู้รับเหมา ผู้รับเหมาจะต้องเป็นผู้ออกค่าใช้จ่ายและนำเสนอรายระเอียดให้วิศวกรอนุมัติ ข้อกำหนดสำหรับเหล็กเสริม (Mild Steel) ให้ยึดถือตาม หมวด เหล็กเสริมคอนกรีต |
4. |
ห่อหุ้มลวดคอนกรีต
(sheating) |
5. |
BAR CHAIR |
6. |
แบบหล่อคอนกรีตและการบ่มคอนกรีต
การถอดไม้แบบ
พื้นจะถอดได้ต่อเมื่อผู้ควบคุมงานได้อนุมัติแล้วโดยคอนกรีตบริเวณนั้นต้องมีกำลังอัดประลัยทดสอบไม่ต่ำกว่า
240 กก./ตร.ซม. ส่วนค้ำยันจะถอดได้ก็ต่อเมื่อ ไม่ว่ากรณีใดๆ ก็ตามจะมีน้ำหนักบรรทุกบนแผ่นพื้นมากกว่าน้ำหนักบรรทุกจรที่ออกแบบไว้ไม่ได้ |
7. |
การเทคอนกรีตและการบ่มคอนกรีต
ผิวคอนกรีตทุกด้านจะต้องเปียกชื้นอยู่ตลอดเวลา 7 วันหลังจากการเทคอนกรีตเป็นอย่างน้อย ผิวบนของคอนกรีตจะต้องคลุมด้วยกระสอบทันทีที่การแต่งผิวหน้าเสร็จสิ้นลง ในช่วงเวลาวันที่ 8-12 หลังการเทคอนกรีต คอนกรีตจะต้องได้รับการฉีดให้เปียกอย่างสม่ำเสมอตามกำหนดของผู้ควบคุมงาน น้ำที่ใช้ในการบ่มคอนกรีตจะต้องเป็นน้ำสะอาด การสกัดเจาะพื้นคอนกรีตอัดแรงจะกระทำได้ต่อเมื่อได้รับความยินยอมจากวิศวกรเสียก่อน |
8. |
การวาง Tendons และการติดตั้ง Anchorage
|
9. |
การอัดแรงคอนกรีต การอัดแรงคอนกรีตจะทำได้ต่อเมื่อคอนกรีตกำลังอัดประลัยไม่ต่ำกว่า 240 กก./ตร.ซม. เมื่อทดสอบด้วยก้อนตัวอย่างรูปทางกระบอก และผู้ที่ทำการอัดแรงต้องเป็นผู้มีความรู้และประสบการณ์มาอย่างเพียงพอ ก่อนการทำการอัดแรง ผู้รับเหมาจะต้องเสนอแผนการอัดแรงตามลำดับของการทำงานแรงดึงของแม่แรงที่ต้องการ และระยะยึดของลวดเหล็กแรงดึงสูงให้วิศวกรผู้ออกแบบเพื่อการตรวจสอบและอนุมัติ ในระหว่างการอัดแรง ผู้รับเหมาจะต้องบันทึกข้อมูลของการอัดแรงต่างๆ เช่น แรงดึงในแม่แรง ระยะยึดของลวดเหล็กแรงดึงสูง เป็นต้น เพื่อเสนอให้วิศวกรดำเนินการตรวจสอบความถูกต้อง หลังการอัดแรงที่ได้รับการตรวจสอบความถูกต้องจากวิศวกรแล้ว ปลายลวดเหล็กแรงดึงสูงจะต้องตัดออกด้วยใบตัด ห้ามใช้ความร้อนสูงในการตัดเด็ดขาด ผู้รับเหมาต้องทาหรือพ่น Anchorage ด้วยสีกันสนิม ขอบพื้นคอนกรึตอัดแรงเมื่อทำการอัดแรงเสร็จเรียบร้อยแล้วต้องอุดแต่งของพื้นซึ่งเว้นร่อง Anchorage ไว้ และบริเวณที่ใช้เครื่องดึงปลายลวดอีกด้านหนึ่งให้อุดแต่งด้วยปูนซีเมนต์ผสมทรายในอัตราส่วน 1:1 ในกรณีที่จำเป็นผู้ควบคุมงานจะกำหนดให้ผู้รับจ้างใช้ Non-Shrinkage compound ผสมในปูนทรายอุดขอบพื้นด้วย |
10. |
การอัดน้ำปูน (เฉพาะระบบ
bonded ) |
ปรับปรุงแก้ไข จันทร์, 26 ธันวาคม 2548 15:18:25